กรุงเทพฯ 17 ส.ค.-การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มั่นใจปรากฏการณ์เอลนีโญช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2566 และปม “อีสท์ วอเตอร์ วงศ์สยาม” ไม่กระทบนิคมอุตสาหกรรม ชี้ศักยภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำหลัก พื้นที่ระยอง-ชลบุรี มีใช้เพียงพอถึงปีหน้า
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) แจงกรณีกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนปรากฏการณ์เอลนีโญช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าอาจจะกระทบกับภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคเศรษฐกิจของไทยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กนอ.ได้เรียกประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออก ซึ่งจากรายงานสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดระยอง 3 อ่าง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ อยู่ที่ 164.94 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 59.92% เมื่อเทียบกับปริมาณการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดแล้วยังสามารถบริหารจัดการได้แบบไม่สะดุด เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างมีเพียงพอ อีกทั้งช่วงที่ผ่านมามีฝนตกบ่อย ทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน 2566 ต่อไป หากยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำจังหวัดชลบุรี 2 อ่าง คือ อ่างเก็บน้ำบางพระ และอ่างเก็บน้ำหนองค้อนั้น มีปริมาณน้ำรวม 58.58 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 42.33%
ขณะเดียวกัน กนอ. ได้จัดหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อเตรียมไว้สำหรับใช้ในนิคมอุตสาหกรรม โดยหารือร่วมกับภาคเอกชน วางแผนรับมือภัยแล้งในพื้นที่อีอีซี โดย แหล่งน้ำหลักที่ได้รับการจัดสรรจากกรมชลประทาน ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำบางพระ รวมถึงแหล่งน้ำที่สูบใช้ได้ในแต่ละปี มีปริมาณน้ำต้นทุนเป็นปริมาณน้ำท่าตามฤดูกาล ได้แก่ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำระยอง คลองทับมา และแหล่งน้ำเอกชน นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำสำรองเพื่อใช้ในกรณีน้ำในแหล่งน้ำมีน้อยและเกิดการขาดแคลนน้ำ ได้แก่ สระสำรองน้ำดิบสำนักบก สระสำรองน้ำดิบฉะเชิงเทรา และสระสำรองน้ำดิบทับมา
นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีปริมาณการใช้น้ำต่อวันอยู่ที่ประมาณ 100,000-125,000 ลูกบาศก์เมตร คาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำตลอดทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 84.0 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการใช้น้ำดิบจากหลายๆ แหล่ง ได้แก่ แหล่งน้ำของบริษัท อีสท์ วอเตอร์, สระพักน้ำของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, แหล่งน้ำจากคลองน้ำหู-ทับมา และแหล่งน้ำจากบริษัท วาย.เอส เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด (YSSP)
ส่วนข้อกังวลต่อการเปลี่ยนผ่านผู้ให้บริการจ่ายน้ำดิบ จาก บริษัท อีสท์ วอเตอร์ เป็น บริษัท วงษ์สยาม ที่จนถึงขณะนี้การวางท่อส่งจ่ายน้ำดิบในพื้นที่ทับซ้อนยังคงไม่แล้วเสร็จ ผู้ว่า กนอ.มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดแน่นอน เนื่องจาก กนอ. มีการสำรองน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ไว้แล้ว ขณะเดียวกันได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำดิบกับบริษัท วาย. เอส. เอส.พี. แอกกริเกต จำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการน้ำในภาคอุตสาหกรรมด้วย ซึ่งน้ำที่ทางบริษัทฯ จัดหานั้น ได้มาจากแหล่งน้ำแห่งใหม่ คือ คลองทับมา จึงไม่ใช่การแย่งน้ำจากภาคการเกษตร หรือการท่องเที่ยว แต่เป็นการดึงน้ำจากจุดที่น้ำเหลือใช้ก่อนไหลลงทะเล และแน่นอนว่าในขั้นตอนการขออนุญาตใช้น้ำจากกรมเจ้าท่านั้น ได้มีการกำหนดเงื่อนไขไว้อยู่แล้วว่า จะต้องไม่กระทบกับชุมชน และระบบนิเวศวิทยา ก่อนที่จะอนุญาตให้ใช้น้ำดังกล่าวได้
“ยืนยันว่า กนอ. ไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายน้ำในพื้นที่นิคมฯ มาบตาพุดแน่นอน เพราะเราหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งไว้แล้ว ซึ่งปีนี้สถานการณ์น้ำแล้งไม่รุนแรง ยังมีฝนตกหลายพื้นที่ จึงส่งผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำหลักยังเพียงพอต่อการใช้ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ได้ถึงกลางปีหน้า”ผู้ว่าการ กนอ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย