ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว

กรุงเทพฯ ​14 ส.ค. – บมจ.ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 80-86 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 84-90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ยังตึงตัว ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง


ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว หลังได้รับแรงสนับสนุนจากสภาวะอุปทานตึงตัว เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก และปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังของสหรัฐ ที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากอุปสงค์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากการขายทำกำไร จากราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง จากอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้


อุปทานน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่อง หลังกลุ่มโอเปก นำโดยซาอุดีอาระเบีย ขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปอีก 1 เดือน เป็นสิ้นสุดเดือน ก.ย.66 ขณะที่รัสเซียปรับลดการส่งออกลง 0.3 ล้านบาร์เรล ในเดือน ก.ย.66 โดย OPEC รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC) ในเดือน ก.ค.66 อยู่ที่ระดับ 27.3 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 0.84 ล้านบาร์เรล/วัน นำโดยการลดลงของซาอุดีอาระเบีย ที่ปรับลดลง 0.9 ล้านบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 9.0 ล้านบาร์เรล/วัน

ปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดย EIA รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินและดีเซลคงคลัง วันที่ 4 ส.ค.66 ปรับลดลง 2.7 และ 1.7 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

รายงานประจำเดือน ก.ค.66 ที่ผ่านมา สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คงอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2023 โดยคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ไปแตะระดับ 102.17 ล้านบาร์เรล/วัน นำโดยการเพิ่มขึ้นของจีน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ OPEC ว่าความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง


วิกฤตราคาพลังงานคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ราคาพลังงานยังคงอยู่ในระดับสูง โดยราคาก๊าซธรรมชาติของยุโรปปรับตัวมากขึ้นที่สุด นับตั้งแต่ที่มีการเกิดสงครามรัสเซียและยูเครน หลังแรงงานในออสเตรเลียมีการขู่หยุดประท้วงผลิตของโรงงานผลิตก๊าซ LNG 2 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตคิดเป็นระดับ 10% ของการส่งออกทั่วโลก ซึ่งหากราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มีการหันมาใช้น้ำมันแทน และทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น

อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ในเดือน ก.ค.66 ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ย หรือปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น เพื่อชะลอผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยอัตราเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 3.2% และ 4.7% ตามลำดับ ซึ่งหากมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย คาดการณ์ว่าจะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับความเสี่ยงในการชะลอตัวลง และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน สะท้อนจากตัวเลขการส่งออกและการนำเข้าในเดือน ก.ค.66 ที่ปรับลดลง 14.5% และ 12.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามลำดับ สะท้อนถึงอุปสงค์ภายนอกประเทศที่ชะลอตัวลงค่อนข้างมาก ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของจีนปรับลดลง 0.3% จากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวลง

เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยและชะลอตัวลง หลัง Fitch Rating ปรับลดอันดับเครดิตของรัฐบาลสหรัฐลงจากระดับ AAA สู่ระดับ AA+ จากความกังวลต่อหนี้สาธาณะของรัฐบาล ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง ในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ Moody ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐ เนื่องจากเริ่มมีความเสี่ยงในการระดมทุน และกำไรที่เริ่มปรับลดลงจากอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง

เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน ก.ค.66 ยอดค้าปลีกสหรัฐเดือน ก.ค.66 และ GDP ไตรมาส 2 ของยุโรป

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (7-11 ส.ค.66)  

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น 0.37 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 83.19 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 0.57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 86.81 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 87.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากตลาดยังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มตึงตัว จากการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบีย 1.0 ล้านบาร์เรล/วัน ต่อไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.66 และการปรับลดการส่งออกของรัสเซียที่ราว 300,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ย.66 นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ยูเครนจะยิงมิสไซล์ไปที่ท่าเรือรัสเซียบ้าง เพื่อเป็นการตอบโต้ หากกองทัพรัสเซียยังคงปิดล้อมน่านน้ำยูเครน และคุกคามมิให้เรือขนส่งธัญพืชเข้าออกท่าเรือของยูเครน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 4 ส.ค.66 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.6 ล้านบาร์เรล. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน