กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – กรมศุลกากร เร่งเคลียร์ตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ตกค้างท่าเรือแหลมฉบัง จำนวนกว่าพันตู้
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับตู้สินค้าคอนเทนเนอร์คงค้างภายในเขตท่าเรือแหลมฉบังจำนวนกว่าพันตู้ ทั้งตู้สินค้าเก็บความเย็น ตู้สินค้าทั่วไป และตู้สินค้าอันตราย รวมทั้งตู้สินค้าที่บรรจุของตกค้างประเภทสุกรแช่แข็งที่ตกเป็นของแผ่นดิน ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสินค้า ค่าเสียโอกาสจากการใช้พื้นที่จัดเก็บตู้สินค้า และเสียเวลาในการขนย้ายตู้สินค้าคงค้างเพื่อจัดเรียงตู้สินค้าใหม่ เนื่องจากท่าเรือแหลมฉบังไม่มีสถานที่สำหรับเก็บรักษาของกลางและของตกค้างเป็นการเฉพาะภายในเช่นเดียวกับคลังสินค้าตกค้างภายในท่าเรือกรุงเทพ ทำให้ต้องฝากเก็บไว้ในแต่ละท่าเรือเอกชนในปัจจุบัน ก่อให้เกิดปัญหาส่งผลกระทบกับหลายหน่วยงาน เช่น ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ตัวแทนเรือ ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ปัจจุบัน (8 สิงหาคม 2566) ตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ที่คงค้างในท่าเรือแหลมฉบัง สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท รวมทั้งสิ้น 937 ตู้ (ได้แก่ ตู้สินค้าทั่วไป 679 ตู้ และตู้สินค้าเก็บความเย็น 258 ตู้) ดังนี้
1.ตู้สินค้าที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย จำนวน 254 ตู้ (ได้แก่ ตู้สินค้าทั่วไป 246 ตู้ และตู้สินค้าเก็บความเย็น 8 ตู้)
2.ตู้สินค้าอยู่ระหว่างการขายทอดตลาด/ส่งมอบ/ทำลาย จำนวน 538 ตู้ (ได้แก่ ตู้สินค้าทั่วไป 298 ตู้ และตู้สินค้าเก็บความเย็น 240 ตู้)
3.ตู้สินค้าที่เป็นของกลางในคดีอาญา ไม่สามารถขายทอดตลาด/ส่งมอบ/ทำลาย โดยต้องรอผลคดี จำนวน 145 ตู้ (ได้แก่ ตู้สินค้าทั่วไป 135 ตู้ และตู้สินค้าเก็บความเย็น 10 ตู้)
สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มีของกลางและของตกค้าง และของผ่านแดนที่ตกเป็นของแผ่นดินในปีงบประมาณ 2564 และ 2565 มีการดำเนินการขายทอดตลาด/ส่งมอบ/ทำลาย รวมทั้งสิ้น 342 ตู้ ในปีงบประมาณ 2566 มีของกลางของตกค้าง และของผ่านแดนที่ตกเป็นของแผ่นดิน เรียบร้อยแล้วจำนวน 54 ตู้ เช่น
เนื้อหมูสามชั้นที่เป็นสินค้าต้องกำกัด น้ำหนัก 28,594 กิโลกรัม ตู้ขาไก่แช่แข็ง จำนวน 1,800 กล่อง น้ำหนักรวม21,600 กิโลกรัม สำหรับเนื้อสุกรแช่แข็ง จำนวน 159 ตู้ กรมศุลกากรได้ทำหนังสือส่งมอบสินค้าให้ด่านกักกันสัตว์ชลบุรีเพื่อนำไปทำลาย โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งกรมศุลกากรมีหนังสือถึงพนักงานสอบสวนแล้ว เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 กรมศุลกากรได้กำชับให้ทุกส่วนงานเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานอื่น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย