กรุงเทพฯ 8 ส.ค.-ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจการใช้จ่ายช่วงวันแม่ในปีนี้ประเมินตัวเลขใช้จ่ายจะมีเงินสะพัดถึง 10,632 ล้านบาท โดยคึกคักใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่จะเป็นการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เพราะยังไม่มั่นใจต่อระบบเศรษฐกิจขณะนี้ และกิจกรรมยอดนิยมอันดับหนึ่ง ยังคงเป็นการพาแม่ไปทานข้าว และสิ่งที่แม่อยากให้ลูกเป็นคนดีต่อสังคม
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ 12 สิงหาคมนี้ โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ทำการสำรวจจากประชาชนทั่วไป พบว่า จะมีความคึกคักต่อการใช้จ่ายของประชาชนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่การใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นไปอย่างระมัดระวัง จากภาวะการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ซึมตัวลงส่วนนึงอาจเป็นเพราะในช่วงวันหยุดยาวหกวันติดต่อกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการใช้จ่ายไปแล้วบางส่วน คาดว่าปีนี้การใช้จ่ายในวันแม่จะมีเงินสะพัด 10,632 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเล็กน้อย 2.3%
ทั้งนี้ กิจกรรมวันแม่ ยอดนิยมอันดับหนึ่งยังคงเป็นการพาแม่ไปทานข้าว ทำกิจกรรมร่วมกันและการทำบุญ ขณะที่ส่วนของขวัญยอดนิยมที่ลูกจะมอบให้กับแม่ ยังคงเป็นเหมือนเดิมเช่นทุกปี อันดับหนึ่ง คือพวงมาลัย รองลงมาคือเงินสดและเครื่องประดับ
สำหรับทัศนคติที่แม่เป็นห่วงลูกมากที่สุดคือเป็นห่วงเรื่องสุขภาพจิตของลูก สุขภาพร่างกาย และความมั่นคงในหน้าที่การงานและการเรียน ส่วนสิ่งที่ลูกเป็นห่วงแม่มากที่สุดคือสุขภาพร่างกาย ,การเกิดอุบัติเหตุและภาระค่าใช้จ่าย
สำหรับสิ่งที่แม่ต้องการได้จากลูก คืออยากให้ลูกเป็นคนดีต่อสังคม รองลงมา คือ ให้เรียนหนังสือเก่งๆ และรับฟังเหตุผลของแม่บ้าง ขณะที่คำพูดยอดฮิตที่แม่ต้องการให้ฟังจากลูกในช่วงวันแม่ คือ รักแม่มาก คิดถึงแม่เสมอและ เป็นห่วงแม่นะ และจากการสำรวจสิ่งที่ประชาชนอยากให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาให้มากที่สุด ในการสำรวจในช่วงวันแม่ปีนี้คือการลดค่าของชีพทั้งค่าสาธารณูปโภค อาหาร น้ำมัน และออกมาตรการพักชำระหนี้เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย