นนทบุรี 7 ส.ค.-ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) เผย อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.66 บวกเพียงร้อยละ 0.38 อยู่ระดับต่ำต่อเนื่อง แต่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 อยู่ระหว่างร้อยละ1.0 – 2.0
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนกรกฎาคม 2566 เท่ากับ 107.82 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งเท่ากับ 107.41 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.38 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจากการชะลอตัวของราคาสินค้าในหมวดอาหาร โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเนื้อสุกร และเครื่องประกอบอาหาร ที่ราคาปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และน้ำมันเชื้อเพลิงราคาปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับฐานราคาเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้ออยู่ระดับสูง
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ โดยข้อมูลล่าสุดเดือนมิถุนายน 2566 พบว่า อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ และต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม
อย่างไรก็ตามา อัตราเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคม 2566 ที่สูงขึ้นร้อยละ 0.38 มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการดังนี้ หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 1.49 ชะลอตัวลงค่อนข้างมากจากเดือนที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ยังคงมีราคาสูงขึ้น อาทิ ผักและผลไม้สด มะนาว ขิง มะเขือ เงาะ แตงโม ส้มเขียวหวาน ไข่ ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่เค็มเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณผลผลิตมีไม่มาก ข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง(ข้าวสารเหนียว ขนมอบ วุ้นเส้น) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน น้ำอัดลม) และผลิตภัณฑ์นม(นมถั่วเหลือง นมข้นหวาน ครีมเทียม) ราคาสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ อาหารสำเร็จรูปราคาสูงขึ้นเล็กน้อยสำหรับสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร เนื่องจากมีปริมาณออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ข้าวสารเจ้า ราคาเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชัน เครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) มะขามเปียก) และผักสดบางชนิด (ต้นหอมพริกสด ผักชี)
ขณะที่ หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.38 (YoY) ตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ทั้งน้ำมันในกลุ่มดีเซล แก๊สโซฮอล์ (ยกเว้น E85) และเบนซิน นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่ราคาลดลง อาทิ เสื้อบุรุษและสตรี เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า) เครื่องรับโทรศัพท์มือถือ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า) หน้ากากอนามัย และค่าสมาชิกเคเบิลทีวี ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2565 อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า ก๊าซหุงต้มค่าของใช้ส่วนบุคคล แป้งทาผิวกาย กระดาษชำระ ยาสีฟัน ค่าบริการส่วนบุคคล ค่าแต่งผมชายและสตรี ค่ายา ยาแก้ไข้หวัด ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ไอ และค่าโดยสารสาธารณะ เครื่องบิน จักรยานยนต์รับจ้าง รถเมล์เล็ก/สองแถว
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 7 เดือน (ม.ค. – ก.ค.) ปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 2.19 ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กำหนด (ร้อยละ 1.0 – 3.0) โดยดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลงร้อยละ 0.01 (MoM) ตามราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ลดลงร้อยละ 0.60 (MoM) จากการลดลงของเนื้อสุกร เนื้อโค และสัตว์น้ำ ผักและผลไม้ (มะนาว ต้นหอม ถั่วฝักยาว เงาะ ทุเรียน ลองกอง) และเครื่องประกอบอาหาร (น้ำมันพืช ซอสหอยนางรม กะทิสำเร็จรูป) ขณะที่ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ น้ำอัดลม และอาหารโทรสั่ง (Delivery) ราคาปรับสูงขึ้นเล็กน้อย สำหรับหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.42 (MoM) อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิงเกือบทุกประเภท (ยกเว้นดีเซล) ค่าเช่าบ้าน สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และค่าของใช้ส่วนบุคคล (น้ำยาล้างจาน น้ำยารีดผ้า น้ำยาล้างห้องน้ำ ยาสีฟัน ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว) ค่าแต่งผมชายและสตรี และค่าโดยสารเครื่องบิน สินค้าที่ราคาลดลง อาทิ น้ำมันดีเซล เสื้อบุรุษและสตรี เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องซักผ้าเครื่องปรับอากาศ) สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาดและค่าของใช้ส่วนบุคคล (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า แชมพู ครีมนวดผม)
อย่างไรก็ตาม สนค.ประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนสิงหาคม 2566 มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยในกรอบแคบ ๆ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากสินค้าอาหารบางประเภทที่ยังคงขยายตัว เนื่องจากสภาพอากาศปีนี้ค่อนข้างแล้งกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย รวมทั้งราคาอาหารสำเร็จรูปที่ยังอยู่ในระดับสูง และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มขยายตัว จากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศ OPEC และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย- ยูเครนที่มีความตึงเครียดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ฐานราคาที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำและเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ทั้งนี้ ความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสถานการณ์ภัยแล้ง เศรษฐกิจโลก และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกระทรวงพาณิชย์คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 อยู่ระหว่างร้อยละ 1.0 – 2.0 (ค่ากลางร้อยละ 1.5) และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย