ททท. ชวนเที่ยวงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 จัดเต็มทุกมิติ!

3 ส.ค. – ททท. ชวนเที่ยวงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 ประจำปี 2566” วันที่ 2-6 สิงหาคมนี้ จัดเต็มทุกมิติท่องเที่ยว ยกความมหัศจรรย์เมืองไทยไว้ในงานเดียว ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิด “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 ประจำปี 256” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนสัมผัสความมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยวไทยทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “นวัฒนธรรม” นำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ร่วมถ่ายทอดอัตลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคในมุมมองสุดอันซีน ตอกย้ำหมุดหมายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวไร้ขีดจำกัด เหนือความคาดหมาย และน่าประทับใจระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยเป็นกิจกรรมที่สำคัญ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. มุ่งมั่นสร้างสรรค์ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยด้วยการท่องเที่ยวในทุกมิติเพื่อให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์อันล้ำค่าของแผ่นดินไทย วิถีชีวิตไทย เอกลักษณ์ท้องถิ่น และจิตวิญญาณที่เปี่ยมมิตรไมตรี ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยเจตจำนงค์ในการสร้างเมืองไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และสะท้อนนิมิตหมายอันดีในการเปิดโลกใหม่ของการท่องเที่ยวไทยในปี 2566 สู่ปี 2567 ด้วยหัวใจหลักที่คำนึงถึงภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และดำรงรักษารากเหง้าของวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มคุณค่าประสบการณ์ท่องเที่ยวไปสู่นักท่องเที่ยวได้อย่างลึกซึ้งในทุกมิติ และเพื่อก่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของไทยให้เจริญเติบโตอย่างมั่งคงและยั่งยืนต่อไป


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวถึงเทศกาลเที่ยวเมืองไทยครั้งนี้ ว่าเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 ประจำปี 2566 จะเป็นกิจกรรมการตลาด (Event Marketing) ที่จะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี จากการสร้างรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคในประเทศไทย ผ่านแหล่งท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม อาหาร และความร่วมมือของทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมฯ ภายใต้นโยบาย การพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สู่การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable Tourism) ครั้งนี้ ททท. ยกความมหัศจรรย์ของประเทศไทยมาไว้ด้วยแนวคิด “นวัฒนธรรม” (นวัตกรรม+วัฒนธรรม) หรือ Inno-Cultural for Sustainable Tourism โดยนำเสนอมุมมองแปลกใหม่ของการท่องเที่ยวไทย บอกเล่าถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เคยเห็น(Unseen) เรื่องราวที่ไม่เคยรู้ (Untold) และแกะกล่องการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ (Unbox) สัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไร้ขีดจำกัด (Unlimited) เหนือความคาดหมาย (Unpredictable) น่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ (Unbelievable) รวมทั้งพบกับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวจากทั่วประเทศแบบเกินต้าน จนหยุดเที่ยวไม่ได้ (Unstoppable) และเก็บเกี่ยวความทรงจำอันน่าประทับใจแบบลืมไม่ลง (Unforgettable)

ททท. จัดเต็มกับความมหัศจรรย์ของเมืองไทยผ่าน 9 โซนกิจกรรม ประกอบด้วย 5 โซนหมู่บ้านภูมิภาค และประสบการณ์ท่องเที่ยวใน 4 โซนกิจกรรม รายละเอียดดังต่อไปนี้

ก่อนเข้าสู่โซนกิจกรรม ททท. เสิร์ฟไฮไลท์แรกกับความสวยงามของเมืองไทย จุดแลนด์มาร์ก Best Selfie in Thailand สะท้อนการท่องเที่ยวไทย 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคตะวันออก-เกาะขายหัวเราะ จ.ตราด ภาคใต้-หินพับผ้า จ.นครศรีธรรมราช ภาคเหนือ-ผ้าม่อฮ่อม ภาคกลาง-น้ำตก จ.นครนายก และภาคอีสาน-ทะเลบัวแดง จ.อุดรธานี


โซนที่ 1 AMAZING THAILAND พาเริ่มเดินทางท่องเที่ยวที่ Amazing ยิ่งกว่าเดิม ไฮไลท์จุดถ่ายรูปสุดอาร์ต Theme Area : Delightful Destinations รังสรรค์มวลบุปผาเป็นแผนที่ประเทศไทยถ่ายทอดอัตลักษณ์ของ 5 ภูมิภาคและแหล่งท่องเที่ยว Unseen new chapters โดย Comm. Arts x RakDok, LED Box พาท่องเที่ยวเสมือนจริงด้วยมุมมองภาพ 360 องศา ,ผจญภัยกับเกม ‘Home Sweet Home’ และพบกับโซน TAT Souvenir of Thailand จัดจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกแบรนด์ Amazing Thailand ก่อนอัดแน่นบริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยวในโซน อสท., เคาน์เตอร์บริการข่าวสารท่องเที่ยว TAT Contact Center 1672 Travel Buddy

โซนที่ 2 หมู่บ้านภาคตะวันออก “สบ๊ายสบาย ภาคตะวันออก” ไปกับแนวคิด “Love Ea(s)t All Around” ชูจุดเด่นอาหารถิ่น เช่น ก๋วยเตี๋ยวกั้ง ข้าวคลุกพริกเกลือ โรตีสายไหมทุเรียน ทอดมันกระวาน หมูชะมวง เส้นจันท์ผัดปู น้ำมะปี้ดไอติมมะยงชิด พลาดไม่ได้กับจุดแลนด์มาร์กถ่ายภาพ 360 องศา อาทิ เกาะขายหัวเราะ จ.ตราด สะพานอัษฎางค์เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ทุ่งโปรงทอง จ.ระยอง เป็นต้น ทั้งสนุกสนานกับกิจกรรม Soft Adventure เช่น ปีนหน้าผาจำลองทดลองเล่น Surf และพัตกอล์ฟ พร้อมยกขบวนศิลปินมาสร้างความสบ๊ายสบายสไตล์ภาคตะวันออก ทุกวัน อาทิ ว่านวันวาน , เอิ๊ต ภัทรวี , สินเจริญ บราเธอร์ส , ต้น ธนษิต, DOUBLEBAMM

โซนที่ 3 หมู่บ้านภาคกลาง “Trendy C2 ภาคกลาง” ชวน “ความสุขง่ายๆ หาได้ที่ภาคกลาง” แบบ 4HD (4 Happy- Definition) โดดเด่นด้วยแลนด์มาร์ก “หอมนสิการ” ธรรมะแกลลอรี จ.สระบุรี รูปแบบ Interactive ครั้งแรกในไทยสัมผัสประสบการณ์ Trendy Camping กับคาราวานรถ Air Stream / รถบ้าน ก่อนชวนดื่มด่ำวัฒนธรรมอันลึกซึ้งในโซนสาธิตของศิลป์แผ่นดิน นำเสนองานหัตถศิลป์ที่หาชมได้ยาก โดยช่างฝีมือจากสถาบันสิริกิติ์ และโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (หญิง) พร้อมเติมความสุขชาร์จพลังกายใจกับสินค้าชุมชนและเกษตรอินทรีย์ ผ่าน TOCA Platform ร่วมกับสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) และส่งท้ายความสนุกในภาคกลางกับการแสดงจากศิลปิน ซัน และ ฟอร์ม จากยุ้งข้าวเรคคอร์ด , วง PAUSE , บอนซ์ นดล , เบลล์ วริศรา

โซนที่ 4 หมู่บ้านภาคเหนือ ชวนต๊ะต่อนยอนสัมผัส “เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ” (North Nostalgia) ผสานความร่วมสมัยไปกับ Northern Thailand Soft Power เช็กอินแลนด์มาร์ก แมงสี่หูห้าตา จ.เชียงราย บ้านอาจารย์โกมล จ.แพร่ ประเพณีสลากย้อม จ.ลำพูน และบ้านเหมืองกุง จ.เชียงใหม่ อีกหนึ่งไฮไลท์โซน “เวิ้งแวดเวียง” พาชมสถานที่ท่องเที่ยวและเทศกาลผ่าน Projection Mapping แวะเติมเสบียงแบบลำแต้แต้ใน กาดหมั้ว ชิมอาหารเหนือหาทานยาก อาหารฟิวชั่น มิชลินเชียงใหม่ พร้อมผ่อนคลายที่ กาดนวด กับกิจกรรมนวดสปา และเพลิดเพลินสินค้า Handicraft และกิจกรรม DIY ที่ ซะป๊ะคราฟท์ นอกจากนี้ยังมี ซุ้มเย็นใจ๋ รวบรวมร้าน ชา กาแฟโกโก้ คราฟท์โซดา หรือเครื่องดื่มที่ผลิตจากภาคเหนือ ตกแต่งสไตล์ Glamping จำนวน 12 ร้าน และคัวฮักคัวฮอม OTOP แหล่งรวมสินค้า OTOP ส่งตรงจากภาคเหนือ จัดจำหน่ายสินค้ากว่า 20 ร้าน โดยผู้ประกอบการตัวจริงจากภาคเหนือ

โซนที่ 5 หมู่บ้านภาคใต้ “หรอยแรงแหล่งใต้” ผ่านธีมใหม่ “14 x 24 x 365 หรอยแรง” 14 คือ “เที่ยวใต้ 14 จังหวัด14 สไตล์” 24 คือ “ความสุขที่คุณสัมผัสได้ 24 ชั่วโมง” 365 คือ “หรอยได้ทุกเดือนตลอดปีทั้ง 365 วัน” สัมผัสธรรชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นสุดอันซีนของภาคใต้ทุกจังหวัดทุกช่วงเวลาผ่านจอ LED ยักษ์ ขนาด 22 x 6 เมตร พร้อมถ่ายรูปกับแหล่งท่องเที่ยว Popular Southern เช่น ซุ้มประตูอุทยานธรรมธรรมเขานาในหลวง จ.สุราษฎร์ธานี, เขาพับผ้า จ.พังงา และลิ้มลองอาหารปักษ์ใต้แท้ๆ ก่อนเพลิดเพลินการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นและประยุกต์ ประกอบฉากสุดอลังการบนจอ LED อาทิ โนรา, มวยไชยา ลิเกฮูลู และพลาดไม่ได้กับ TAT Department Store “ห้างททท.” รวบรวมดีลสุดพิเศษจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวมาให้ได้เลือกซื้อเฉพาะงานนี้

โซนที่ 6 หมู่บ้านภาคอีสาน “หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน” ปลดล็อกประสบการณ์ “อีสาน…ไปไสกะแซ่บ” นำเสนอความ“แซ่บ” ของอีสานผ่านนวัฒนธรรมอาหารอีสานทุกมิติ กับไฮไลท์สำคัญ ‘ไห-เทค’ เชิญทดลองเป็นปลา ในไหปลาร้าไฮเทคเรืองแสง เรียนรู้เรื่องราวของปลาร้าตั้งแต่เริ่มต้นจนโกอินเตอร์ และเอาใจสายกินเสิร์ฟความแซ่บ ‘20 จานดัง’ ภาคอีสาน เช่น ตำกระเทย สาเกต จ.ร้อยเอ็ด อังแกบบอบ จ.สุรินทร์ เนื้อแห้ง 100 ปี จ.อำนาจเจริญ , ’20 จานแซ่บ’ แกะกล่องอาหารสุดแซ่บที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก เช่น ไก่กระเต็ด จ.นครราชสีมา ข้าวปุ้นน้ำนัว จ.นครพนม , ‘10 นวัตกรรมอาหารอีสาน Go Inter’ เช่น ไก่ไร้เก๊า จากขอนแก่น สบู่หอมแดง จากศรีสะเกษ ส้มตำอบกรอบ พร้อมชอปชม ‘ISAN Arts & Crafts’ ก่อนส่งท้ายความแซ่บกับการแสดงม่วนซื่นโฮแซว อาทิ ขบวนแห่เซิ้งบั้งไฟ การแสดงผีตาโขน หมอลำหุ่นกระติ๊บ หุ่นเต้น ดนตรีโฟล์คอีสาน โปงลางกาฬสินธุ์

โซนที่ 7 พันธมิตรท่องเที่ยวไทย ททท. จับมือกับพันธมิตรท่องเที่ยวสร้างการรับรู้ถึงการท่องเที่ยวในแง่มุมต่างๆ แบบ TAT and the Gangs ได้แก่ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ธนาคารกรุงเทพ กรุงเทพมหานคร การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง (ศปร.) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สมาคมสายการบินประเทศไทย สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (FETTA) และชมรมพันธกิจเพื่อคนพิการ

โซนที่ 8 เวทีกลาง จัดเต็มบรรยากาศแห่งความสนุกสนานตลอด 5 วัน พบการแสดงเชิงวัฒนธรรมจาก 5 ภูมิภาค เช่น การแสดงนาฎมวยไทย และคีตะมวยไท , การแสดงจากวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ , วิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง, รำวงเพชรบุรี, ทิฟฟานี่ คาบาเรต์โชว์, โขนและโนรา , โนราใต้ x นาฏลายเจิงเหนือจากคณะเทพศรัทธา , การแสดงล้านนาจากคณะสกุลจันทร์ , วงดนตรีประยุกต์นิศาเทวา , ฟีโน่ เดอะ ระนาด มือระนาดรางแก้วไฟวิบวับ พร้อมการแสดงจากศิลปิน เช่น เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, เป๊ก ผลิตโชค , Paper Planes, เนเน่ พรนับพัน, เจ เจตริน, PARADOX, PALMY, New Country, Sarah Salola, Monica, FLI:P, 4MIX, Yes Indeed , เพียว เดอะวอยซ์ , อ้อมรัตนัง , หนุ่ย นันทกานต์ , เป๊กกี้ ศรีธัญญา , รัสมี อีสาน โซล , ลิเกฮีโร่ คณะสองเทพบุตรสุดที่รัก , การแสดงหมอลำใจเกินร้อย (แอน อรดี x บอย ศิริชัย) , เอกชัย ศรีวิชัย , ท่องเที่ยวไปกับเพลงลูกกรุงสุนทราภรณ์ x ธัช กิตติธัช , หลุยส์ สรวิชญ์ ฯลฯ

โซนที่ 9 TAT Net Zero ตอกย้ำหมุดหมายของการขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน (Sustainable Tourism) ไปกับ Sustainable Tourism Goals Games & Activities บันไดแห่งความยั่งยืน และ Mapping Exhibition นำเสนอเรื่องราว The Nature Tourism, Amazing Thailand, เที่ยวได้ให้ด้วย, The Journey of Low Carbon Experience นำเสนอเรื่องราวโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (CF-Hotels) และรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards : TTA)

นอกจากนี้ ททท. มีความตั้งใจออกแบบการจัดงานให้สร้างขยะน้อยที่สุด จึงได้ยกแนวคิด “Zero Landfills” ลดการสร้างขยะนำสู่บ่อฝังกลบ นำสู่การปฏิบัติ และมีการกำจัดอย่างถูกวิธี ไม่ให้การเดินทางท่องเที่ยวทิ้งภาระให้กับสิ่งแวดล้อม และลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองในการตกแต่ง ภายในงานยังมีการตั้งจุดคัดแยกขยะทั้งหมด 14 จุด ประกอบด้วย 9 จุด ทั่วพื้นที่จัดงาน และ 5 จุด ตามโซนอาหารต่าง ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการแยกขยะและกำจัดขยะอย่างถูกต้องในกิจกรรม “ลดโลกเลอะ Zero Landfills”

ทั้งนี้ ภายในงานพิธีเปิดเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ททท. จัดการแสดงเชิงวัฒนธรรมทั้ง 5 ภูมิภาค ภายใต้ชุด “นวัฒนธรรม” มาร่วมสร้างบรรยากาศแห่งความครึกครื้น สร้างแรงบันดาลสู่การเดินทางท่องเที่ยวจริงทั่วประเทศ

ททท. คาดหวังว่างานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ประจำปี 2566 ครั้งที่ 41 จะช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน โดย ททท. ตั้งเป้าหมายการจัดงานครั้งนี้ มีจำนวนผู้ร่วมงาน 80,000-100,000 คน ตลอดระยะเวลาจัดงาน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 80-100 ล้านบาท และมีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 800 บาท/คน

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41 ประจำปี 2566” ในวันที่ 2-6 สิงหาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เข้าชมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center 1672 Travel Buddy และติดตามข้อมูลได้ที่thai.tourismthailand.org/Articles/ttf2023 . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดใหม่ ดึง นทท.เข้าไทย

ลอนดอน 22 พ.ค. – นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตั้งเป้าปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้เป็น Tourism Hub ระดับโลก ชี้ 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารสายบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทย จากนั้น น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก ที่ผ่านมารัฐบาลทำแคมเปญหลายอย่าง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าทำให้การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริป (Spending […]

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]