MEA คาดการใช้ไฟฟ้าปีนี้ กลับมาเหมือนช่วงก่อนโควิด

กรุงเทพฯ 27 ก.ค.- MEA คาดการใช้ไฟฟ้าปีนี้ กลับมาเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 เร่งเดินหน้า Go Smart, Go Digital และ Go Green ขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ยอมรับหวั่นจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าอาจกระทบงบฯ ปี 67


นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า ในแต่ละปี MEA มีงบลงทุนฯราว 2 หมื่นล้านบาท ที่ต้องขออนุมัติจาก ครม. ซึ่งหากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ก็อาจะทำให้โครงการลงทุนปี 67 จะได้งบฯล่าช้าไปด้วย ส่วนโครงการปี 66 ทุกอย่างเดินหน้าตามแผนงานทุกด้าน และจากเศรษฐกิจขยายตัว นักท่องเที่ยวกลับคืนมา ก็ทำให้คาดว่า ปีนี้ ยอดใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ MEA ดูแล คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ความต้องการใช้ ไฟฟ้าเทียบกับปีที่แล้วจะขยายตัวร้อยละ 1 โดยจะมีการใช้ไฟฟ้าเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 คือประมาณ 5 หมื่นล้านหน่วย หรือ ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด ราว 9 พันเมกะวัตต์ และในอนาคตคาดยอดใช้ไฟฟ้ายังเติบโตตามแผนงานคือ ขยายตัวร้อยละ 13 ในปี 2573 หรือ ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด จะอยู่ที่ 12,000 เมกะวัตต์ รองรับการเติบโตของรถไฟฟ้าระบบรางที่มีเพิ่มขึ้น และรถอีวี ที่ภาครัฐคาดว่าจะมีราว 3 ล้านคันในปี 2573 จากปัจจุบันมีประมาณ 5 หมื่นคัน

ทั้งนี้ ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา MEA ครบรอบ 65 ปี ในวันที่ 1 สิงหาคม 2566 MEA ได้จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “65th MEA SPARK the Sustainable Future” จุดประกายอนาคตที่ยั่งยืน โดยเปิดให้ผู้ร่วมงานสามารถร่วมบริจาคเงินให้กับ 2 มูลนิธิ คือ สหทัยมูลนิธิ และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก นอกจากนี้ยังมีการเสนอผลการดำเนินงานจากการขับเคลื่อนองค์กรโดยยึดหลัก Tripple Go for Goal ใน 3 ด้าน คือ Go Smart, Go Digital และ Go Green ภายใต้วิสัยทัศน์ Energy for city life, Energize smart living ในการขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร


ด้าน GO Smart คือ การพัฒนาระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเสริมความมั่นคงและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า เช่น Smart Metro Grid ที่ปัจจุบัน MEA ได้ติดตั้ง Smart Meter รวมจำนวน 33,265 ชุด ทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ Online ช่วยในด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า วิเคราะห์จุดเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้อง โดยภายในปี 2570 จะติดตั้ง รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 441,400 ชุด รวมถึงยังมีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับหม้อแปลงจำหน่าย ภายใต้โครงการ TLM (Transformer Load Monitoring) ช่วยในการวางแผนขยายหรือปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้า โดยภายในปี 2570 จะติดตั้งแล้วเสร็จครบทั้งพื้นที่ MEA ที่มีจำนวน 62,400 ชุด

MEA ยังดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โดยเฉพาะในเส้นทางการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ซึ่งจะมีแผนงานที่สำเร็จเพิ่มมากขึ้นในปี 2566 จะมีเส้นทางที่แล้วเสร็จเพิ่มเติม 29 กิโลเมตร รวมเป็น 91 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน MEA ยังมีแผนที่จะดำเนินโครงการสายไฟฟ้าใต้ดินให้แล้วเสร็จรวมทั้งสิ้น 236.1 กิโลเมตร ภายในปี 2570 และมีแผนที่จะดำเนินการในอนาคตอีก 1,140.8 กิโลเมตร รวมทั้งสิ้นเป็น 1,454.3 กิโลเมตร

ด้าน Go Digital นั้น MEA ได้ยกระดับไปสู่การเป็น Fully Digital Service มีการพัฒนาการให้บริการผ่านออนไลน์ต่าง ๆ เช่น ระบบ Tracking บริการทางธุรกรรมออนไลน์ของ MEA ผ่าน MEASY มีการพัฒนาบริการหนังสือค้ำ-ประกันอิเล็กทรอนิกส์บนเทคโนโลยีบล็อกเชน (eLG on Blockchain) อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบ EV Data Roaming ทำให้ MEA EV Application สามารถแชร์ข้อมูลกับผู้ประกอบการรายใหญ่ต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งในฟังก์ชันการค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้า และการจ่ายค่าบริการ


ด้าน Go Green สนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) มีการออกแบบระบบ Smart Charging เพื่อลดปัญหาการเกิด Overload รวมถึงล่าสุด ได้เปิดตัว MEA EV Super Charge เครื่องอัดประจุไฟฟ้า 120 kW ที่พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับระบบ Solar PV และ Battery Storage ณ บริเวณอาคาร วัฒนวิภาส การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย รองรับผู้ใช้บริการใจกลางเมืองมหานคร .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

นายกฯ ปัดตอบ ผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม.

“นายกฯ อิ๊งค์” ไม่ตอบคำถามผลสำรวจอยากให้ปรับ ครม. บอกพรุ่งนี้ตอบทีเดียว ก่อนแซว “ประเสริฐ” ปรับให้แล้ว เหตุพูดตำแหน่ง “จุลพันธ์” ผิด จาก รมช.คลัง เป็น รมช.มหาดไทย

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]