ข้าวตราฉัตร คว้าสุดยอดรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand 2023”

26 ก.ค. – ข้าวตราฉัตร เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ที่ได้เบอร์หนึ่ง “ข้าวยอดนิยมในใจผู้บริโภค 12 ปีซ้อน” ด้วยรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand 2023”


ข้าวตราฉัตร ผู้นำธุรกิจข้าวสารบรรจุถุงเมืองไทย เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย ที่ได้เบอร์หนึ่งแบรนด์ข้าวยอดนิยมในใจผู้บริโภคทั้งประเทศ ด้วยการคว้าสุดยอดรางวัล “Marketeer No.1 Brand Thailand 2023” หรือ “รางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในใจผู้บริโภคทั่วประเทศไทย” ในหมวดธุรกิจข้าวสารบรรจุถุง ครองอันดับหนึ่งติดต่อกันต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 จากผู้เข้ารับรางวัลทั้งหมด 65 แบรนด์ นับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ และช่วยตอกย้ำมาตรฐาน คุณภาพสินค้า และการบริการ จากเสียงสะท้อนของผู้บริโภคทั่วประเทศที่ให้การยอมรับ และไว้วางใจเลือกข้าวตราฉัตรมาโดยตลอด

นายยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เปิดเผยว่า “ข้าวตราฉัตรขอบคุณผู้บริโภคทั่วประเทศ ทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจเลือกข้าวตราฉัตรเป็นแบรนด์เบอร์ 1 ในใจผู้บริโภคมาต่อเนื่องถึง 12 ปีซ้อนจากผลโหวตของผู้บริโภค ผู้ที่อุปการะของข้าวตราฉัตร ขอบคุณทีมงานข้าวตราฉัตร ไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าหรือส่วนหลังก็ตาม รางวัลนี้ถือเป็นกำลังใจให้กับพวกเราทุกคน มุ่งมั่นพัฒนามาตรฐาน คุณภาพสินค้า และต่อยอดความสำเร็จของข้าวตราฉัตรต่อไป ขอบคุณชาวนาไทย บุคคลสำคัญที่ขาดไม่ได้ ที่มีส่วนร่วมในการผลิตข้าวที่ดีมีคุณภาพ และสุดท้ายขอบคุณพันธมิตรคู่ค้าข้าวตราฉัตรทุกท่าน ที่ช่วยสนับสนุนเป็นกำลังสำคัญในการจำหน่ายสินค้าข้าวตราฉัตร ไม่ว่าจะเป็น Modern Trade, Local Modern Trade, Traditional Trade, ช่องทางออนไลน์ หรือออฟไลน์ ทุกคนมีส่วนร่วมกับรางวัลนี้ ที่ทำให้เราเป็นสินค้าคุณภาพ และได้รับการยอมรับมาอย่างต่อเนื่อง 12 ปีติดต่อกัน ซึ่งก็เป็นปณิธานใหญ่ของข้าวตราฉัตร ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ท่านประธานอาวุโสให้นโยบายไว้ เรื่อง 3 ประโยชน์ คือ ประเทศชาติ ประชาชน และบริษัท ด้วยปรัชญานี้ทำให้ข้าวตราฉัตรดำเนินธุรกิจข้าวในประเทศไทยให้มีความยั่งยืน มาอย่างต่อเนื่อง และยาวนาน ถือเป็นกลยุทธ์หลักสำคัญ และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ คือความกตัญญูต่อประเทศชาติ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้บริโภคทั้งหมด ถือเป็นแกนหลักที่ทำให้ข้าวตราฉัตรดำเนินธุรกิจและได้การยอมรับตลอดที่ผ่านมา


ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันตลาดข้าวสารบรรจุถุงไทยในตอนนี้ เป็น Red Ocean ดุเดือด มีหลากหลายแบรนด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่การสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดและเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย และปัจจัยสำคัญที่ทำให้ข้าวตราฉัตรยังคงเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในใจผู้บริโภคทั่วประเทศไทย มาจาก หนึ่ง-คุณภาพที่ดี ต้องมีเกณฑ์สูงกว่ามาตรฐานข้าวไทยทั่วไปที่ภาครัฐกำหนด ดั่งสโลแกนที่ยึดมั่นมากว่า 30 ปี “มาตรฐานแน่นอนทุกถุง เหมือนกันทั่วโลก” ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทุกคนต้องได้กินข้าวที่มีมาตรฐานเดียวกันหมด สอง-พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ต่อเนื่อง อย่างการนำเทคโนโลยีการเก็บรักษาข้าวสารมาใช้เพื่อล็อกความสดใหม่ของข้าว ทำให้ข้าวหอม นุ่ม เหนียว ตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นผู้นำในไทยที่เก็บข้าวไว้ที่ความเย็น 15 องศา ก่อนนำมาบรรจุถุงเมทัลไลซ์ ที่ช่วยรักษาคุณภาพและความสดใหม่ได้นานขึ้นจนถึงมือผู้บริโภค ทำให้ผู้บริโภครับประทานข้าวอร่อยได้ตลอดปี ขณะเดียวกันก็พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อย่างการส่งเสริมปลูกข้าวสายพันธุ์ กข43 หรือ ข้าวฉัตรไลท์ ข้าวน้ำตาลน้อย เป็นทางเลือกใหม่ของคนที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ที่สำคัญ อร่อย นุ่ม น้ำตาลน้อย ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ สาม-การกระจายสินค้า หรือ Distribution ที่ดี ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้าวตราฉัตรได้สะดวกมากขึ้น ทั้ง Modern Trade, Local Modern Trade, Traditional Trade, ช่องทางออนไลน์ หรือออฟไลน์ ตลอดจนการทำ Delivery มีพาร์ตเนอร์ครบทุกช่องทางการขาย และยังมีกลุ่มเชนร้านอาหารรายใหญ่ทั่วประเทศ ที่เป็นอีกหนึ่ง Touch Point ที่ทำให้ผู้บริโภคได้ลองสินค้าในวงกว้าง สี่-บริการที่ดี มีบริการรับประกันสินค้า ภายใต้โลโก้ Satisfaction Guarantee (เจ้าเดียวในประเทศไทยที่เปลี่ยนสินค้าทันทีหากไม่พึงพอใจ) หากลูกค้าซื้อไปแล้วพบว่าบังเอิญหยิบผิดสี หรือมีปัญหาด้านการจัดเก็บรักษา สามารถโทรแจ้งได้ทันที มีทีมงานบริหารความพึงพอใจ ติดต่อประสานงานกลับ และเข้าไปเปลี่ยนสินค้าให้ใหม่ทันที พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวให้คำแนะนำกับผู้บริโภค สามารถติดต่อสอบถามได้ 24 ชั่วโมง ห้า-สินค้าที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกกลุ่มความต้องการ ทั้ง B2C และ B2B นอกจากกลุ่มข้าวหอมมะลิ มีกลุ่มข้าวราคาประหยัด หรือข้าวที่เหมาะสำหรับทำข้าวผัด ข้าวเหนียวมะม่วง ปลายข้าวที่เอาไปทำโจ๊ก หก-แบรนด์ดีที่ผู้บริโภคเชื่อมั่น ด้วยสิ่งสำคัญที่ข้าวตราฉัตรทำเสมอมาคือ “ความซื่อสัตย์กับลูกค้า” หน้าถุงเขียนไว้อย่างไร ในถุงเราก็เป็นแบบนั้น จะไม่หลอกหลวงผู้บริโภค ไม่ทำให้เกิดความสับสน

การได้รับรางวัลในครั้งนี้ จึงคิดเสมอว่าพอใจได้แค่วันเดียว และเรายังต้องมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการให้ดีกว่าเดิม ในอนาคตจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำข้าวต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และนวัตกรรมนี้ต้องเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ และตอบโจทย์ทุกความต้องการให้กับผู้บริโภคของเราได้ อีกทั้งยังช่วยให้สุขภาพของคนไทยดีขึ้นอีกด้วย”

ข้าวตราฉัตร ขอยืนเคียงข้างคนไทย ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ อีกทั้งให้บริการที่คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก พร้อมคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าและบริการ ให้ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เก๋งซิ่งแหกโค้งชนเสาเหล็ก ไฟลุกไหม้คลอกคนขับดับสลด

ลพบุรี 6 มิ.ย. – เก๋งหรูซิ่งเสียงดังลั่น หมุนโชว์กลางสี่แยก ก่อนแหกโค้งชนเสาเหล็กป้ายข้างทางไฟลุกไหม้เสียหายทั้งคัน คลอกคนขับดับสลด เมื่อเวลา 03.30 น.ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชาตรี ทรัพย์นิยมพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งรถเก๋งชนเสาข้างถนน ไฟลุกไหม้ทั้งคัน บนถนนทางเข้าบ้านหนองน้ำทิพย์ หมู่ 7 ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี พร้อมแจ้งรถน้ำดับเพลิงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม รุดไปดับไฟ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบ จุดเกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้โหมทั่วไปทั้งคันรถ สังเกตดูเบื้องต้นคนขับติดอยู่ที่เบาะนั่งสภาพหมดสติ เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 15 นาที เพลิงสงบ จากการตรวจสอบด้านซ้ายรถชนอัดอยู่กับเสาเหล็กป้ายบอกทาง สภาพเหลือแต่ซาก เบื้องต้นพบเป็นรถเก๋งยี่ห้อยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ไม่ทราบสี-ทะเบียน ถูกไฟไหม้ เหลืออยู่ครึ่งป้าย ภายในรถพบร่างชายถูกไฟไหม้เกรียม ยังไม่ทราบชื่อว่าเป็นใครมาจากไหน สอบถามนางเล็ก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งเฝ้าเครื่องสูบน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดังกล่าวขับซิ่งมาจากแยกเขาพระงาม มุ่งหน้าไปทางโคกสำโรง เสียงท่ออย่างดังลั่น พอมาถึงสามแยกบ้านหนองน้ำทิพย์ ได้หมุนโชว์กลางแยก 1 รอบ จากนั้นขับไปยูเทิร์นกลับมาอีกรอบ เลี้ยวเข้าทางแยกหนองน้ำทิพย์ได้ประมาณ 300 เมตร […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

น้ำมันรั่วลงทะเล

สั่งเจ้าท่าระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar

ชลบุรี 6 มิ.ย.- “มนพร” สั่งการกรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar บริเวณท่าเรือบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ศรีราชา จังหวัดชลบุรี นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการให้ นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน เพื่อ ระงับเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือ Phoenix Jamnagar ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันดิบสัญชาติสิงคโปร์ หมายเลข IMO 9828962 โดยเหตุเกิดบริเวณทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล (SBM2) ของบริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.54 น. โดยมีสาเหตุมาจากท่อส่งน้ำมันที่ชำรุด ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเลในปริมาณประมาณ 20 คิว หรือราว 20 ตัน กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการประเมินสถานการณ์โดยเร่งดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ ณ โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทไทยออยล์ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้กรมเจ้าท่าในฐานะเลขานุการศูนย์ประสานงาน ได้ประสานกองทัพเรือจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในการขจัดคราบน้ำมัน จากการสำรวจพื้นที่ พบว่าลักษณะของคราบน้ำมันเป็นคราบสีดำหรือน้ำตาลบาง ๆ […]

นักศึกษาเจอคอลเซ็นเตอร์ปั่นหัวถือมีดบุกโรงพัก

เชียงใหม่ 5 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนักศึกษาเชียงใหม่ สูญกว่า 2 ล้านบาท พ่อแม่เครียดหมดเนื้อหมดตัว บางรายถูกปั่นหัวให้ถือมีดบุกโรงพักเย้ยตำรวจ พบเฉพาะ สภ.ภูพิงค์ฯ มีเหยื่อโดนหลอกลักษณะนี้แล้วกว่า 300 ราย กล้องวงจรปิดบันทึกภาพนักศึกษาสาว ชั้นปีที่ 4 ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดภายใน สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเดินไปเข็นวีลแชร์ที่อยู่ตรงหัวมุมอาคาร แล้วก็เข็นไปเข็นมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะถือมีดไปที่บริเวณห้องรับแจ้งความ และอ้างว่า จะมาขอพบตำรวจนายหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อนี้อยู่ที่โรงพัก จึงขอพบ พันตำรวจเอก มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผู้กำกับ สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพราะไปฆ่าคนตายมา ขณะนั้น ตำรวจสืบสวนสังเกตเห็นว่า นักศึกษาสาวมีท่าทางหวาดระแวงใส่หูฟังเหมือนกับทำตามคำสั่งใครสักคนที่สั่งการจากปลายสาย ด้านตำรวจจึงชวนพูดคุยสอบถามสักพัก จนยอมวางมีดลง จากนั้น ตำรวจจึงขอให้ดึงหูฟังออก ปรากฏว่า นักศึกษาสาวกลับได้สติขึ้นมาว่า ชายที่สั่งการทางโทรศัพท์ไม่ใช่ตำรวจจริง เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งให้มาป่วนตำรวจ เนื่องจากไม่มีเงินโอนให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจจึงตรวจสอบพบว่า ในวันเดียวกัน […]

ข่าวแนะนำ

ระงับเดินทางเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม-บ้านผักกาด ชั่วคราว

จันทบุรี 7 มิ.ย. – หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ออกหนังสือราชการ ระงับนักท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา เดินทางผ่านเข้า-ออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม – บ้านผักกาด ชั่วคราว ยกเว้นแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทย ผู้สื่อข่าว รายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่อง ขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชา เดินทางผ่านเข้า – ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว และตามมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 กำหนดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร มีอำนาจ เหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน เกี่ยวกับการยุทธ์ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบร้อย และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนต้องปฏิบัติตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา อาศัยอำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 ขอให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง […]

มอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา – สุรนารี คุมจุดผ่านแดนไทย–กัมพูชา

กองทัพบก 7 มิ.ย. – ทบ.ออกคำสั่งมอบอำนาจ ผบ.กองกำลังบูรพา และ ผบ.กองกำลังสุรนารี ควบคุมจุดผ่านแดนแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ตามมติ สมช. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสามารถพิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตามลำดับขั้นความเข้มงวดในแต่ละพื้นที่ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ซึ่งมอบหมายให้กองทัพบกเป็นหน่วยหลักในการควบคุมการเปิด–ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภท เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทัพบกอย่างเคร่งครัด การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดน สำหรับรายละเอียดทั้งหมดในคำสั่งดังกล่าวสามารถติดตามได้ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของกองทัพบกที่เว็บไซต์ www.rta.mi.th เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทางราชการ -313-สำนักข่าวไทย

ปปง. ร่วมสอบกรณีพบเงินต้องสงสัยถูกทิ้ง 12 ล้าน

7 มิ.ย.- ปปง. ร่วมตรวจสอบกรณีพบเงินสด 12 ล้าน วางทิ้งในกล่องข้างถังขยะคอนโดเมืองทองฯ ชี้ผู้อ้างเป็นเจ้าของเงินต้องชี้แจงรายละเอียดที่มาให้ได้ จากกรณีที่พลเมืองดี พบธนบัตรเงินสด 12 ล้านบาท ในกล่องพลาสติกสีเทา บริเวณคอนโดเมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายเกี่ยวกับสำนักงาน กสทช. ซึ่งปรากฏชื่อในเอกสารดังกล่าว คือ นายทวีวัฒน์ และนายทวีวัฒน์ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วระบุเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านดังกล่าว นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ขั้นตอนตามปกติหากพบเหตุสงสัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดย ปปง. ได้ประสานการทำงานร่วมกับตำรวจอยู่แล้ว ซึ่งต้องสอบสวนคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน กับผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ทั้งธนาคาร และส่วนงานที่ผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของเงินระบุถึง สุดท้ายเจ้าของต้องชี้แจงในรายละเอียดว่าเงินดังกล่าวได้มาอย่างไร ถ้าพนักงานสอบสวนรวบรวมว่า เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในข้อใด หรือทรัพย์ดังกล่าวอาจเกี่ยวกับการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่ปัจจุบันมี 28 มูลฐานความผิด การจะมีการประสานส่งเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ ปปง. […]

“อนุทิน” ย้ำไม่ย้ายกระทรวง ยึดข้อตกลงเดิม​ นายกฯ ให้ความมั่นใจแล้ว

สุวรรณภูมิ​ 7 มิ.ย.-“อนุทิน” ลั่นไม่มีอะไรต้องตกลงแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กินช็อกมินต์ หลังกระพือยึดเก้าอี้ มท.1 ชี้ “ภูมิใจไทย” ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ย้ำชัดไม่ย้ายกระทรวงยึดข้อตกลงเดิม ระบุนายกฯ ก็ให้ความมั่นใจแล้ว ยอมรับกินข้าว รวมไทยสร้างชาติ แล้ว แต่คุยปมพลังงาน ยันไม่ต้องจับมือต่อรอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยโดยยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยใดๆ ซึ่งเรื่องการปรับ ครม. หากมีการถามมายังพรรคภูมิใจไทย พรรคก็ยืนยันว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เพราะได้คุยในเบื้องต้นภายในพรรคแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนยังทำงานได้อย่างเต็มที่ กระทรวงที่กำกับดูแลในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เมื่อถามว่า กระแสข่าวการเขย่าเก้าอี้แบบนี้แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการกระทรวงมหาดไทยคืนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่มองว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร มันเขย่าไม่ได้ นี่เป็นรัฐบาลผสม และเป็นข้อตกลงที่เราหารือกันตั้งแต่เราตั้งรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน 2 ปีแล้ว และมายังรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รูปแบบนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ตรงนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของใคร แต่เป็นข้อตกลงและเป็นรัฐบาลผสม ซึ่งทุกคนก็ทำงานอย่างเต็มที่ ที่มีข่าวบอกว่าคนนี้ทำงานดีหรือไม่ดี […]