กรุงเทพ 26 ก.ค.-กระทรวงการคลัง คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับเงินเฟ้อที่ลดลง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่า จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.0 ถึง 4.0) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียที่จะเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าทั้งปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาจำนวน 29.5 ล้านคน ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้นขยายตัวที่ร้อยละ 164.2 ต่อปี และคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวน 1.25 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 243.8 จากปี2565 ส่งผลให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับด้านอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.5 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 ถึง 5.0) ตามรายได้ภาคประชาชนที่ฟื้นตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช่วยให้การบริโภคเพิ่มขึ้น
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวที่ร้อยละ 2.6 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.1 ถึง 3.1) จากความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจภายในประเทศที่เริ่มกลับมาดีขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ดีผลของการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา และ กลุ่มสหภาพยุโรป ยังส่งกระทบต่อเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญของไทย
ทำให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะหดตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.8 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -1.3 ถึง -0.3) นอกจากนี้ การบริโภคภาครัฐคาดว่าหดตัวที่ร้อยละ -2.1 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ -2.6 ถึง-1.6) และการลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ร้อยละ 2.2(ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.7 ถึง 2.7 ) ส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา
ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ 1.7 (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.2 ถึง 2.2 ) เนื่องจากแรงกดดันจากราคาสินค้าในหมวดพลังงานได้คลี่คลายลง ประกอบกับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของภาครัฐที่ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนสำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะกลับมาเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดมีทั้งปัจจัยสนับสนุน อาทิ 1.ความต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศหลักๆเช่น จีน มาเลเซียเกาหลีใต้ อินเดียและรัสเซีย 2.สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ส่งผลต่อทิศทางเงินเฟ้อในประเทศ3.สถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจจีน 4.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่างๆ เช่น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน การแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกาซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกและการค้าระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย