กรุงเทพฯ 25 ก.ค.-แนวโน้มราคาน้ำมันขยับต่อ หลังตลาดโลกพุ่ง รับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย 2 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มเบนซินขยับขึ้นแล้ว 2.80 บาท ส่วนดีเซล อุดหนุนด้วยกองทุนน้ำมันฯ 1.59 บาท/ลิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันเตรียมปรับขึ้นราคากลุ่มเบนซินอีก หลังราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.- 25 ก.ค.66 ราคาน้ำมันในไทยสะท้อนตลาดโลก ปรับเปลี่ยน 19 ครั้ง รวมแล้วกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ขึ้นราคารวม 2.80 บาท/ลิตร ในขณะที่กลุ่มดีเซล ราคาไม่เปลี่ยนแปลงที่ประมาณ 32 บาท/ลิตร แม้จะขึ้นภาษีน้ำมัน 5 บาท/ลิตร ตั้งแต่ 21 ก.ค. 66 โดยกองทุนน้ำมันได้ลดจากการจัดเก็บเดิม 4.04 บาท/ลิตร และเพิ่มการอุดหนุน 1.59 บาท/ลิตร ทำให้ กองทุนฯไหลออกต่อวันเฉพาะดูแลดีเซลราว 110 ล้านบาท หรือเดือนละ 3,300 ล้านบาท หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับนี้ต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดราคาดีเซลสิงคโปร์ วานนี้ ขึ้นราคากว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ ประมาณ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์จีนมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
บมจ.ไทยออยล์รายงาน วานนี้ (24 ก.ค.) สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 2566 ,ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. 2566
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อเนื่อง หลังอุปทานน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียมีแนวโน้มลดลง โดยซาอุดีอาระเบียขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันด้วยความสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 66 ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. 66 เช่นกันซึ่งจะส่งผลรวมกันให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงราว 1.5%
อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจีนเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการฟื้นฟูอุปสงค์และการบริโภคภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริม, ยกระดับ และกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน เพิ่มการสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการต่าง ๆ ของเอกชนด้วย โดย NDRC ต้องการดึงดูดเงินทุนจากภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนในการก่อสร้างโครงการสำคัญระดับชาติมากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่ การขนส่ง ประปา พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่สำหรับการผลิตขั้นสูง และเกษตรกรรมสมัยใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในภายหลัง.-สำนักข่าวไทย