กรุงเทพฯ 21 ก.ค.-อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเผยหลังเชิญผู้ค้านำเข้าสินค้าเกษตรจากญี่ปุ่นเข้ามาดูพื้นที่เพาะปลูกกล้วยหอมทองที่จังหวัดนครราชสีมาสร้างความประทับใจและมั่นใจสินค้าตัวนี้มีโอกาสทำตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นได้เแน่ เตรียมใช้กรอบ JTEPA เร่งเจาะตลาดญี่ปุ่นกล้วยหอมทองเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ตันเป็น 8,000 ตัน
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า หลังจากไทยกับประเทศญี่ปุ่นมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย -ญี่ปุ่น (Japan – Thailand Economic Partnership Agreement) หรือที่เรียกกันสั้นๆว่าJTEPA ที่ให้สิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีนำเข้ากล้วยจากประเทศไทยเป็นจำนวน 8,000 ตันต่อปี แต่ที่ผ่านมาไทยยังใช้โควต้าดังกล่าวไม่เกิน 3,000 ตันต่อปี จึงยังเหลือโควต้าไม่เสียภาษีอีกถึง 5,000 ตัน และในช่วงก่อนหน้านี้ภายในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมการพบปะเจรจาการค้าระหว่างบริษัทผู้นำเข้าญี่ปุ่นรวม 10 บริษัท และผู้ส่งออกไทยรวม 23 บริษัท 38 ราย และคาดว่ากล้วยและผลิตภัณฑ์กล้วยแปรรูปของไทยได้รับความสนใจสั่งซื้อเป็นมูลค่าทะลุ 1,000 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์เร่งรัดการซื้อขายดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียวกล่าว่าญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจกล้วยจากไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งชาวญี่ปุ่นนิยมทานกล้วยมากถึงปีละกว่า 1 ล้านตัน แต่สามารถปลูกเองได้น้อยมาก ดังนั้น ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ากล้วยจากประเทศฟิลิปปินส์ แต่เริ่มมีราคาในตลาดสูงขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันมีไทยเพียงประเทศเดียวในโลกที่ยังสามารถปลูกกล้วยหอมทองได้ และเมื่อผู้นำเข้าญี่ปุ่นได้มาเห็นและได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยในจังหวัดนครราชสีมาเมื่อวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ต่างก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากเพราะได้เห็นถึงความพร้อมของพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี ได้เริ่มวางแผนการสั่งซื้อกล้วยจากไทยเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ตันต่อปีโดยทันที
นายศารุมภ์ โหม่งสูงเนิน พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมากล่าวว่า จากการที่ได้มีการพูดคุยกับผู้นำเข้าชาวญี่ปุ่นในครั้งนี้ ทำให้ได้ทราบความต้องการของตลาดซึ่งสอดรับกับความพร้อมของจังหวัดอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปลูก ซึ่งทางญี่ปุ่นเชื่อว่าจะช่วยให้กล้วยมีคุณภาพดีและมีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น ดังนั้น ความสำเร็จจากการผลักดันกล้วยจำนวน 5,000 ตัน และมังคุดอีก 300 ตันสู่ตลาดญี่ปุ่นในครั้งนี้นั้น ในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าส่งออกได้ทันทีไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท และจะช่วยให้ผลไม้ไทยลดการพึ่งพิงตลาดหลักตลาดเดียวอย่างประเทศจีน รวมทั้งจะช่วยให้ผลไม้ไทยมีระดับราคาที่ดีและนำไปสู่ความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย