กรุงเทพฯ 17 ก.ค.- กบน.แถลงพรุ่งนี้ ขึ้นราคาดีเซล 21 ก.ค.หรือไม่ หลังหมดเวลาลดภาษี 5บาท/ลิตร เอกชนคาดหากขึ้นจะเป็นรูปแบบทยอยขึ้นราคา นักวิเคราห์คาดกระทบยอดขายดีเซลระยะสั้น ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นลุ้น”เพื่อไทย”เป็นนายกฯ หุ้นอาจดีดขึ้น 50-100 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันพรุ่งนี้(18 ก.ค.) สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)แจ้งแถลงข่าวการพิจารณาของ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน. ) จะตัดสินใจบริหารกองทุนฯอย่างไร หลังจากที่รัฐบาลไม่ต่ออายุการลดภาษีสรรพาสิตดีเซล 5 บาท/ลิตร สิ้นสุด 20 ก.ค.นี้ ท่ามกลางกองทุนน้ำมันยังติดลบ โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 9 ก.ค.2566 ยังติดลบ 52,270 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมัน ติดลบ 6,598 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,672 ล้านบาท
ส่วนโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลที่ราคาปัจจุบันที่ประมาณ 32 บาท/ลิตร มีการเก็บเงินกองทุน น้ำมันฯ 3.82บาทต่อลิตร ดังนั้น หากรัฐกลับมาเก็บภาษี 5 บาท ในวันที่ 21 ก.ค. โดยหาก กบน.ใช้แนวทางไม่ขึ้นราคาดีเซลด้วย การลดการจัดเก็บเงินกองทุนทั้งหมด 3.82 บาท ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการตรึงราคาดีเซล 32 บาท/ลิตร อาจต้องขยับราคาดีเซลขึ้นบ้าง ก็ต้องรอดูว่า กบน.จะตัดสินใจอย่างไร จากที่ก่อนหน้านี้ สกนช.ระบุจะบริหารจัดการโดยไม่ขึ้นราคาดีเซล ในขณะเดียวกันหากจำเป็นต้องขึ้น ที่ผ่านมา กบน.ก็จะใช้แนวทางขึ้น-ลง ครั้งละ 50 สตางค์ /ลิตร เพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภคมากเกินไป
“การดูแลราคาน้ำมันดีเซล มีหลายแนวทาง เบื้องต้นนอกเหนือจากการพิจารณาเพื่องดเรียบเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ แล้ว จะต้องดูราคาน้ำมันในตลาดโลกด้วย เพราะตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ราคาค่อนข้างผันผวน และยังมีทิศทางขาขึ้น รวมทั้งต้องรอดูธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่ง กบน.ได้พิจารณาแนวทางอย่างรอบคอบ โดยยืนยันว่าจะยังคงรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลไว้ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 32 บาทต่อลิตร”แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานระบุ
แหล่งข่าวระบุด้วยว่าการปรับลดค่าการตลาดน้ำมันดีเซล จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.60 บาทต่อลิตร หรือการปรับลดสัดส่วนผสม B100 ลงนั้น จะยังไม่ใช่แนวทางที่นำมาพิจารณา เพราะช่วยให้ราคาดีเซลลดลงไม่กี่สตางค์เท่านั้น นอกจากนี้หากรัฐต้องการพยุงราคาดีเซลไว้เท่าเดิม ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกขาขึ้น ก็อาจพิจารณาแนวทางการกู้เงินเพิ่มเติมด้วย จากปัจจุบันกู้แล้ว 5.5 หมื่นล้านบาท
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนได้เสนอแนะภาครัฐว่าควรดูแลราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นจะกระทบทั้งค่าครองชีพประชาชน และภาวะการแข่งขันของประเทศ โดยราคาดีเซลหากจะขึ้นจาก 32บาทก็ไม่ควรจะเกิน 35 บาทต่อลิตร
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน สภาอุตสาหกรรมฯ.กล่าวว่า ในส่วนของค่าไฟฟ้า คณะกรรมกร่วมภาคเอกชน หรือกกร.กำลังส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีหลังประธาน 3 องค์กรได้ลงนามเรียบร้อยแล้วเพื่อที่จะเสนอแนวทางการปรับลดค่าFt งวดก.ย.-ธ.ค.66 โดยเสนอเพิ่มเติม2แนวทางคือให้ขยายระยะเวลาคืนหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)จาก5งวดเป็น 6 งวดเพื่อลดFtได้อีก 10 สตางค์ต่อหน่วย และขอให้มีการบูรณาการในการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลวหรือLNGโดยมอบหมายให้ผู้นำเข้าหลักเพียงรายเดียวเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม ซึ่งเมื่อรวมกับปัจจัยต่างๆในการคำนวณที่ลดลงจะทำให้ค่าไฟเฉลี่ยงวดนี้จะอยู่ที่ราว 4.25 บาทต่อหน่วย
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า PTG เตรียมเข้าหารือกับภาครัฐเพื่อหารือปัญหาค่าการตลาดต่ำกว่าระดับกรอบเป้าหมายของคณะกรรมการบริการนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่ 2 บาท/ลิตร ว่าจะมีแนวทางอย่างไรที่จะทำให้ซัพพลายเชนของธุรกิจนี้ได้รับความยุติธรรมเท่าเทียมกันเพื่อให้เดินไปด้วยกันได้ทั้งระบบ ซึ่งค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1.80-2.00 บาท ส่วนมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาท/ลิตร คาดว่า กบน.จะเข้ามาดูแล ซึ่งหากจำเป็นต้องขึ้นราคาบ้าง ก็เชื่อว่าจะทยอยขยับขึ้นเพื่อให้ผู้บนิโภคกระทบน้อยที่สุด
นายสุวัฒน์ สินสาฎก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ลูกค้าสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า การขึ้นภาษีดีเซล หาก กบน.ตัดสินใจด้วยการลดเงินกองทุนน้ำมันฯเพียงเล็กน้อย และให้ราคาดีเซลขยับขึ้นมาในสัดส่วนสูง ระยะสั้นก็จะกระทบต่อราคาดีเซลบ้าง และกระทบมายังยอดขายน้ำมัน รวมไปถึงผู้ค้าบ้างเล็กน้อย แต่ภาพรวมแล้ว คาดว่าจากยอดขายกลุ่มเบนซินที่ยังเติบโตได้ดี และการปรับตัวของ บจ.ผู้ค้าน้ำมันที่เน้นสร้างรายได้จากธุรกิจอื่นไม่ใช่น้ำมัน (NON-OIL )ที่จะเห็นได้ว่าเติบโตเป็นอย่างดี ส่วนกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องภาษีดีเซล เพราะจะเห็นได้ว่ายอดขายโดยรวมดีขึ้น รวมไปถึงน้ำมันเครื่องบินขยับดีขึ้น และในช่วงปลายปีก็คาดว่ามาร์จิ้นโรงกลั่นจะขยับดีขึ้น
“ราคาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นฯ –น้ำมัน หรือภาพดัชนี SET ของไทยที่ลดลงมาก ต้องยอมรับว่า การเมืองเป็นปัจจัยหลัก นักลงทุนทั้งต่างชาติและไทยก็ไม่กล้าลงทุน ซึ่งในขณะนี้ หากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี หรือกรณีสลับขั้ว พรรคเพื่อไทยก็จะเป็นรัฐบาลอยู่ดี ก็เป็นที่คาดว่า ดัชนี SET จะขึ้นอีก 50-100 จุด นักลงทุนนั้น ไม่ชอบความไม่แน่นอนทางการเมือง หุ้นไทยจึงตกต่ำลง โดยหากไปดูดัชนีหุ้นสหรัฐก็จะเห็นได้ว่า ไปได้ดี แม้ FED จะขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม” นายสุวัฒน์กล่าว.-สำนักข่าวไทย