หอการค้าไทย ชี้ประท้วงรุนแรงกระทบรายได้ท่องเที่ยว ฉุด GDP

กรุงเทพฯ 13 ก.ค. -หอการค้าไทย คาดโหวตเลือกนายกฯ จัดตั้งรัฐบาลช่วง ส.ค.-ก.ย. ระบุประท้วงรุนแรงยืดเยื้อกระทบรายได้ท่องเที่ยว หายไป 5 แสนล้านบาท ดึง GDP ลดร้อยละ1 


นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่า  การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ต้องรอลุ้นว่า จะมีการลงมติโหวตเลือกหรือไม่  เพราะเป็นตัวชี้วัดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย  จากผลสำรวจนักธุรกิจ ต่างกังวลการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ  หากลากยาวนานออกไป จะไม่มีรัฐมนตรีตัวจริงขับเคลื่อนนโยบายใหม่ฟื้นเศรษฐกิจ   ทั้งนักธุรกิจและผู้บริโภค ต่างจับตาการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี  จะสรุปในวันนี้ หรือต้องโหวตเลือกอีกหลายสูตรในวันถัดไป 

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า การจัดตั้งรัฐบาล  ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหน  ใครเป็นนายกรัฐมนตรี  หากจัดตั้งรัฐาลได้ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน 66 นี้  ถือว่ากระทบต่อเศรษฐกิจน้อย คงจะไม่รุนแรง เพราะถือว่ายังอยู่ในกรอบ สามารถเดินหน้างบลงทุนต่างๆ  โดยใช้กรอบงบผูกพันเดิม  ส่วนการใช้งบประมาณปี 67 อาจถูกเลื่อนออกไปเบิกจ่ายได้เดือนมีนาคมปี 67 จะทำให้ภาคธุรกิจวางแผนลงทุนได้   แต่หากจัดตั้งรัฐบาลยือเยื้อ ออกไปเลยเดือนตุลาคม ขั้นตอนการจัดทำงบประมาณ อาจเลื่อนออกไปช่วงไตรมาส 2 ปี2567  ยอมรับ กระทบการขยายตัวเศรษฐกิจวงกว้าง  จึงอยากให้ องค์กรปกครองท้องถิ่น เดินหน้าโครงการเดิม และส่วนราชการใช้งบคุรุภัณฑ์จัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เงินออกสู่ระบบ 


นายธนวรรธน์ประเมินว่า หากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีราบรื่น จัดตั้งรัฐบาล เพื่อออกมาตรการต่างๆ เพื่อผลักดันการลงทุน  โดยไม่มีความรุนแรง เศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อยละ 4   แต่หากการคัดเลือก นายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่  มีการประท้วงรุนแรง ต่างชาติประกาศเตือนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย จากเดิมคาดยอดนักท่องเที่ยว30 ล้านคน หากครึ่งปีหลัง นักท่องเที่ยวหายไป 10 ล้านคน ยอมรับว่าทำให้รายได้ท่องเที่ยวหดหายไป 5 แสนล้านบาท กระทบต่อจีดีพีถึงร้อยละ 1  ซึ่งไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 

 สำหรับผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน 2566 พบว่า  ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 56.7  จากระดับ 55.7  ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 40 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม2563 เป็นต้นมา เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน  ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น   ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ในระดับ  63.9 จากระดับ 63.1 ปรับเพิ่มเพียงเล็กน้อยเนื่องจาก ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งและเสถียรภาพทางการเมืองรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง รวมถึงค่าครองชีพยังแพง .-สำนักข่าวไทย  


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก