กรุงเทพฯ 12 ก.ค.-เอกชนห่วงตั้งรัฐบาลช้ากระทบลงทุนใหม่และด้านการท่องเที่ยว ย้ำหากจะมีการชุมนุมก็ขอให้เป็นไปอย่างสงบตามกฎหมาย เพื่อไม่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว
หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พ้นจาก ส.ส.เหตุถือหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนรับได้หากทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกฎหมายสูงสุด แต่การจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าออกไปอาจส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนใหม่ที่จะเข้ามาใหม่
ทั้งนี้ โดยเป็นห่วงหากลากยาวจะกระทบเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะนักลงทุนอยากเห็นรูปร่างหน้าตาของรัฐบาลใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นโยบายที่ชัดเจน ที่จะมีการแถลงต่อสภา เพื่อที่จะตัดสินใจในการลงทุนต่อไปอย่างไร คนที่ลงทุนอยู่แล้วก็อาจจะลงทุนต่อ แต่คนที่จะมาใหม่ก็อาจจะชะลอไว้
นอกจากนี้ หากจะมีการชุมนุมแสดงออกทางการเมือง หากชุมนุมด้วยความสงบก็ไม่เป็นปัญหา แต่หากไม่เรียบร้อยก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดูแล ขอให้ชุมนุมเป็นไปอย่างสงบตามกฎหมาย เพื่อไม่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวลำบาก แต่สำหรับการทำงาน ยังมีคณะรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ก็ให้เดินหน้าต่อไป ซึ่งภาคเอชนการทำงานก็ขับเคลื่อนร่วมกับข้าราชการประจำไม่ได้หยุดการทำงาน มองว่านโยบายเชิงรุกที่ต้องตัดสินใจอาจได้รับผลกระทบบ้าง เพราะอาจไม่เหมาะสมที่จะให้คณะรัฐมนตรีรักษาการเป็นคนตัดสินใจ แต่หากเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับประเทศชาติก็ต้องขอ กกต.เป็นกรณีไป เพื่อทำงานต่อ โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดทำงบประมาณใหม่ หากยังไม่มีรัฐบาลเชื่อว่าการลงทุนก็จะยังไม่เดินหน้า
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่เป็นเพราะการส่งออกที่ยังติดลบต่อเนื่อง ในปีนี้อาจขยายตัวเป็น 0 หรือติดลบเล็กน้อย โอกาสที่จะขยายตัวเป็นบวกคงเป็นไปได้ยาก มีเพียงภาคการท่องเที่ยวและบริการจะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจไว้ได้ รวมถึงสินค้าเกษตรที่ราคาดี หวังว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่มากจนเกินไป โดยขอให้ทุกฝ่ายดูแลในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอในการเพาะปลูก เพราะเมื่อทั่วโลกประสบปัญหาการขาดแคลนอาหาร จะเป็นประโยชน์กับเกษตรของไทย.-สำนักข่าวไทย