กรุงเทพฯ 5 ก.ค.-บีไอจี - เมอแรนติ กรีน สตีล ลงนามความร่วมมือการใช้ Climate Technology สำหรับการเตรียมแผนผลิต Green Steel แห่งใหม่ในไทย
เมอแรนติ กรีน สตีล ไพรเวท ลิมิเต็ด ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ เดินหน้าโครงการโรงผลิต Green Steel แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทย โดยร่วมมือกับ บีไอจี ใช้ไนโตรเจนและออกซิเจนคาร์บอนต่ำ รวมถึงการร่วมมือสู่การผลิตและใช้ Green Hydrogen ในอนาคต
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (บีไอจี) เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ นายเซบาสเตียน แลงเกนดอร์ฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาริ เมอแรนติ กรีนสตีล ไพรเวท ลิมิเต็ท เพื่อดำเนินการโครงการ Green Steel โดยจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้านก๊าซอุตสาหกรรม ทั้ง ออกซิเจนคาร์บอนต่ำ ไนโตรเจนคาร์บอนต่ำ และ Green Hydrogen ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานผลิตเหล็ก ที่ตอกย้ำ โดยโรงงานแห่งนี้ตั้งเป้าในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 3 ล้านตันต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้เทคโนโลยีการผลิตเหล็กแบบดั้งเดิม
นาย เซบาสเตียน แลงเกนดอร์ฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมอแรนติ กรีน สตีล ไพรเวท ลิมิเต็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า บีไอจี นับเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีจุดแข็งด้านก๊าซอุตสาหกรรมและนวัตกรรม เมอแรนติ กรีน สตีล จึงเล็งเห็นว่าการร่วมมือกับบีไอจีนั้น จะเป็นการต่อยอดเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับพันธมิตร ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้ร่วมมือ กับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) GPSC โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการใช้พลังงานทดแทนเพื่อใช้ในโรงงานผลิตเหล็ก โดย GPSC และ เมอแรนติ กำลังร่วมมือกันทางด้านการวิจัยและพัฒนาวิธีการใช้พลังงานทดแทนสำหรับการผลิต Green Steel และการใช้ Green Hydrogen ในอนาคต ขณะที่บีไอจีและแอร์โปรดักส์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีก๊าซอุตสาหกรรมและเป็นผู้ผลิตก๊าซไฮโดรเจนที่ใหญ่ที่สุดในโลกรวมถึงประเทศไทย จะมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการกระบวนการผลิตและการใช้ Green Hydrogen ในโครงการนี้ เมอแรนติ สตีล จึงมีความยินดีที่จะร่วมงานกับบีไอจีในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนต่อไป
โครงการ Green Steel ของ เมอแรนติ กรีน สตีล นั้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์และไทย ที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความขยั่งยืนของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า ซึ่งในปัจจุบันมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโลกถึง 7% .-สำนักข่าวไทย