กรุงเทพฯ 5 ก.ค.-ส.อ.ท.หวังโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้ ราบรื่น จะได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ หวังรัฐบาลใหม่ยกเลิก หรือปรับปรุงกฏหมายที่ล้าสมัย รวมถึงออกกฏหมายรองรับอุตสาหกรรมใหม่
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การได้ประธานสภาฯ และรองประธานสภาทั้ง 2 คน ด้วยความราบรื่นถือว่าบรรยากาศความตึงเครียดคลี่คลายได้ระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าจะทำให้ได้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเร็วกว่าไทม์ไลน์ ที่ตั้งไว้ในตอนแรก และหวังอย่างยิ่งว่าในการโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้จะราบรื่น และได้นายกฯตั้งแต่การโหวตครั้งแรก หรือ หากมีการเสนอโหวตใหม่หลายครั้งก็ขอให้ได้ แต่หากลากยาวภาคเอกชนรับไม่ได้แน่นอน เพราะการขาดรัฐบาล ส่งผลกระทบกับทุกด้าน
อย่างไรก็ตาม เอกชนยังคงคาดหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะช้าสุดไม่เกินส.ค.นี้ หากตั้งได้เร็วก็จะเป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะด้านงบประมาณต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่หากการจัดตั้งล่าช้าออกไปเท่าใดก็จะยิ่งกระทบเศรษฐกิจโดยเฉพาะช่วงนี้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การส่งออกติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ที่สำคัญคือกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน และกระทบการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นหากเครื่องยนต์ด้าน
“อยากให้ได้นายกตั้งแต่การโหวตในครั้งแรก หากจะมีการโหวตใหม่ 5-6ครั้งก็ยังได้ เพียงขอให้ได้นายกฯ และภาคเอกชนรับไม่ได้แน่หากการลากยาวเพราะทุกการโหวตเป็นต้นทุน และทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศ ตอนนี้เครื่องยนต์เดียวของไทยคือ คือ การท่องเที่ยว ถ้าหากเกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง การท่องเที่ยวก็อาจกระทบและยิ่งส่งออกติดลบ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็ไม่มีแล้ว แต่ถ้ามีรัฐบาลก็จะเกิดการขับเคลื่อน จัดสรรงบประมาณ การเบิกจ่าย เร่งทำโครงการที่ค้างท่อ ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้”นายเกรียงไกร กล่าว
ทั้งนี้ หากวันที่ 13 โหวตนายกได้ก็จะได้เห็นหน้าตา ครม. และทิศทางการขับเคลื่อนประเทศที่ขัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามนโยบายของ 8 พรรคร่วมที่ใช้หาเสียง ส่วนใหญ่ก็ตรงกับความต้องการของภาคเอกชนและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้ปัญหาปากท้อง เรื่องค่าไฟฟ้า ค่าแรง
ส่วนความต้องการภายใต้ กกร.คือ เรื่องของการยกเลิกหรือปรับปรุงกฏหมายที่ล้าสมัย รวมถึงการออกกฏหมายเตรียมรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย