นนทบุรี 20 มิ.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุยุทธศาสตร์ข้าวไทยภายใต้ความร่วมมือรัฐและเอกชนด้วยการปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวใหม่และรับรองพันธุ์ข้าว 21 สายพันธุ์ ทำให้ผู้ส่งออกข้าวไทยไปทำตลาดส่งออกได้จริงมากขึ้น ฟันธงหลังจากนี้ส่งออกข้าวไทยขาขึ้นน่าจะทำยอดได้สูงถึง 8 ล้านตัน พร้อมให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันพัฒนาพันธุ์ไทยชนิดใหม่ๆ ให้เพิ่มมากขึ้นแม้ไทยจะเจอภัยแล้งบางพื้นที่ แต่พันธุ์ข้าวใหม่มีโอกาสทำตลาดได้แน่
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ข้าวไทยตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2567 มีเป้าหมายที่สำคัญ ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตการตลาดของข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก การจะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เน้นการพัฒนาตลาดในประเทศต่างประเทศ ใช้การผลิตรวมถึงการแปรรูป และนำนวัตกรรมมาใช้ฝห้เกิดประโยชย์ และต้องผลิตพันธุ์ข้าวที่มีความหลากหลายสนองความต้องการของตลาดโลก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยให้มากขึ้น
ทั้งนี้ จากการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีจุดอ่อนในการขาดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายในตลาดข้าวโลก ขณะที่คู่แข่งมีผลิตภัณฑ์มากกว่า ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเร่งปิดจุดอ่อนให้บรรลุผลโดยเร็วที่สุด ด้วยการเร่งเพิ่มผลิตภัณฑ์ข้าวชนิดใหม่ เพื่อแข่งขันในตลาดข้าวโลกได้ และจากเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี จะต้องมีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวรวม 12 สายพันธุ์ เป็นข้าวพื้นแข็ง 4 สายพันธุ์ พื้นนุ่ม 4 สายพันธุ์ ข้าวหอม 2 สายพันธุ์ และข้าวโภชนาการสูง 2 สายพันธุ์ แต่ 3 ปีแรกของยุทธศาสตร์ข้าวไทย ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน สามารถปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวได้มากเกินกว่าเป้าหมายและรับรองพันธุ์ข้าวภายใต้ยุทธศาสตร์แล้วเวลานี้จำนวน 21 สายพันธุ์ โดยในช่วงที่เหลืออีก 2 ปี สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยังคงจัดประกวดพันธุ์ข้าวใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ได้มีการมอบรางวัลการประกวดพันธุ์ข้าวเพื่อการพาณิชย์ ล่าสุด 3 สายพันธุ์ โดยหลังจากนี้ขอให้กรมการข้าวเร่งรับรองสายพันธุ์ เพื่อสามารถลงแปลงปลูกให้กับเกษตรกรนำผลผลิตให้ผู้ส่งออกสามารถทำตลาดในต่างประเทศได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่า การส่งออกข้าวหลังจากนี้จะดีขึ้นตามลำดับเพราะจะมีผลิตภัณฑ์ที่ไปนำเสนอขายได้อย่างหลากหลายมากขึ้น ซึ่งปีก่อนส่งออกได้ 7.7 ล้านตัน ปีนี้คาดว่าจะทะลุ 8 ล้านตันแน่นอน เพราะการมีความหลากหลายของสายพันธุ์ข้าวจะยิ่งทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำให้ประเทศไทยในปีนี้สามารถกลับมาเป็นลำดับที่ 2 ของตลาดส่งออกข้าวโลกได้ แม้ขณะนี้ไทยยังเจอปัญหาความแล้งในบางพื้นที่ แต่ด้วยความหลากหลายพันธุ์ข้าวไทยสามารถชดเชยทำตลาดส่งออกได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากนี้ ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศระบุว่าในปีนี้มีพันธุ์ข้าวที่ชนะการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่
1. รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวหอมไทย ได้แก่ ข้าวพันธุ์ 65RJ-06 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา)
2. รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม ได้แก่ ข้าวพันธุ์ 65RJ-08 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา)
3. รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นแข็ง ได้แก่ ข้าวพันธุ์ 65RJ-13 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา) เป็นต้น
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เชื่อว่า การส่งออกข้าวในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากความต้องการข้าวของโลกยังมีอยู่ ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศ ที่ค่อนข้างชัดเจนว่าจะเกิดเอลนีโญ ในหลายภูมิภาคทั่วโลกซึ่งจะกระทบกับการภาคการผลิตข้าว ทำให้อาจจะมีการสั่งซื้อข้าวไปเก็บสต็อกให้พอเพียงกับความต้องการในประเทศ เห็นได้ชัดเจนจากอินโดนีเซีย ที่ปีนี้ประกาศนำเข้าข้าวแล้ว 2 ล้านตัน ขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ก็ส่งออกข้าวปริมาณ 4 ล้านตันแล้วในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งคาดว่า ในครึ่งปีหลังน่าจะมีข้าวเหลือให้ส่งออกอีกประมาณ 3 ล้านตัน
โดยยอมรับว่าไทย อาจจะผลิตข้าวได้ลดลงบ้างจากเอลนีโญ แต่ยังเชื่อว่า การผลิตของไทยยังดีอยู่ เพราะผลผลิตข้าว ได้ปีละ 20 ล้านตันข้าวสาร แต่บริโภคภายใน 10-11 ล้านตัน จึงยังเหลือปริมาณที่ส่งออกได้อีกจำนวนหนึ่ง และไทย ยังเหลือสัญญาส่งออกข้าวให้จีน จากกรอบ 1 ล้านตัน ภายใต้ รัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี ที่ยังค้างอยู่อีก 2 แสน 8 หมื่นตัน ที่น่าจะส่งออกได้เพิ่มเติมในปีนี้ สำหรับครึ่งปีแรกไทย ส่งออกข้าวแล้วประมาณ 4 ล้านตัน และคาดว่าครึ่งปีหลังอีก 4 ล้านตัน ภาพรวมปีนี้ ไทยจะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านตันแน่นอน ส่วนราคาข้าว จะขึ้นอยู่กับกระทบเอลนีโญว่าจะรุนแรงแค่ไหน.-สำนักข่าวไทย