กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชี้แจงปัญหาสหกรณ์บริการเคหสถานร่วมใจพัฒนาตลาดเก่า จำกัด

16 มิ.ย. – ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า “สมาชิกสหกรณ์บริการเคหสถานร่วมใจพัฒนาตลาดเก่า จำกัด ร้องว่าที่ สส.พรรคก้าวไกล ว่าเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงจังหวัดนนทบุรี ส่งเงินซื้อบ้านหลักแสนบาท กลับได้บ้านสภาพแคมป์คนงานแทน แต่ประธานสหกรณ์หายพร้อมเงินล้าน”


สหกรณ์ดังกล่าว จัดตั้งขึ้นจากสถาบันองค์กรพัฒนาชุมชน (พอช.) สนับสนุนให้ชาวบ้านในชุมชนร่วมใจพัฒนา (ตลาดเก่า) ที่ได้รับความเดือดร้อนปัญหาที่อยู่อาศัย จำนวน 102 ราย ก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์ขึ้นในปี 2558 และเมื่อเห็นว่าสมาชิกมีความพร้อมทางศักยภาพทางการเงินและมีวินัยในการออมเงิน ทาง พอช.จึงได้ออกหนังสือรับรองให้กลุ่มออมทรัพย์ฯ จัดตั้งเป็นสหกรณ์ เมื่อปี 2561 ภายหลังจัดตั้งสหกรณ์ฯ ได้ขอกู้เงินจาก พอช. ประมาณ 13 ล้านบาทเศษ และซื้อที่ดินในเขต อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จำนวน 4 ไร่ 2 งาน 71 ตารางวา แต่ พอช.ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ให้สหกรณ์ เนื่องจากสมาชิกส่งเงินออมไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของ พอช. แต่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ พอช. ได้สนับสนุนงบประมาณจ่ายขาดให้สหกรณ์ 623,000 บาท เพื่อสร้างบ้านพักชั่วคราวจำนวน 35 ห้อง จนกว่าสมาชิกจะปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขของ พอช. ทำให้สหกรณ์ไม่ได้ดำเนินธุรกิจหลักตามวัตถุประสงค์ของสหกรณ์

ภายหลังสหกรณ์สามารถปิดบัญชีได้เพียงปีเดียว และไม่สามารถปิดบัญชีได้ 4 ปีบัญชี ปัจจุบันสหกรณ์ไม่มีการจัดจ้างเจ้าหน้าที่เพื่อจัดทำบัญชี และเงินออมสมาชิกจากกลุ่มออมทรัพย์เดิมเกิดปัญหายอดเงินส่วนต่างคลาดเคลื่อนจากเอกสารที่รับมอบทำให้เกิดปัญหาในการจัดทำบัญชี


จากนั้นในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ได้มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบให้หยุดดำเนินธุรกิจและเลิกสหกรณ์และได้มีหนังสือแจ้งให้นายทะเบียนสหกรณ์ทราบ สหกรณ์จึงเข้าแจ้งเหตุต้องเลิกตามมาตรา 70 (3) แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อมาวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ได้มีประกาศนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่อง เลิกสหกรณ์เคหสถานร่วมใจพัฒนาตลาดเก่า จำกัด และได้มีคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ และประกาศนายทะเบียนสหกรณ์แต่งตั้งและแจ้งชื่อผู้ชำระบัญชี

ในกรณีที่ผู้ร้องเรียนได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ และสมาชิกสหกรณ์ เนื่องจากขาดความเชื่อมั่นว่าสหกรณ์ไม่สามารถสร้างบ้านให้แก่ตนเองได้ จึงขอรับเงินออมคืนจากประธานกลุ่มออมทรัพย์/ประธานสหกรณ์แล้วไม่ได้รับเงินคืน สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนนทบุรีได้เชิญผู้ร้องมาชี้แจงเพิ่มเติมพบว่ายังมีสมาชิกบางส่วนได้ขอลาออกจากสหกรณ์แล้วไม่ได้รับเงินคืนเช่นกัน

นายทะเบียนสหกรณ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ตรวจการณ์สหกรณ์เป็นการเฉพาะกิจเข้าตรวจสอบกิจการและฐานะทางการเงินของสหกรณ์ ผลการตรวจสอบ พบว่า ตามงบแสดงฐานะทางการเงินของสหกรณ์ สำหรับงวด 5 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ไม่ปรากฎรายการเงินออมของกลุ่มออมทรัพย์แต่อย่างใด และจากการตรวจสอบทะเบียนเงินหุ้นและลูกหนี้สหกรณ์พร้อมทั้งใบเสร็จรับเงินที่สหกรณ์ออกให้แก่ผู้ร้อง ตั้งแต่ปี 62-65 ไม่ปรากฏรายการรับชำระเงินออมเข้ามายังสหกรณ์ รวมทั้งสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนนทบุรี ไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเงินออมทรัพย์ของผู้ร้องได้


นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ขอชี้แจงว่า สหกรณ์ตามโครงการบ้านมั่นคงที่ใช้ระบบสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการสหกรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้ช่วยในการแนะนำ ส่งเสริม ให้เป็นไปตามกฎหมายสหกรณ์ เมื่อสหกรณ์ไม่สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสหกรณ์อันเกิดจากความไม่เข้าใจ ความเชื่อมั่นของสมาชิกที่มีกับสหกรณ์หรือเกิดจากการทุจริตของบุคลากรของสหกรณ์เองจึงเป็นเหตุให้สมาชิกลงมติในที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์เพื่อเลิกสหกรณ์ นายทะเบียนสหกรณ์จึงเห็นชอบตามมติดังกล่าว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการชำระบัญชีซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

“อย่างไรก็ตาม ในฐานะอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีความห่วงใยต่อสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งเป็นประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่อเหตุดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้สหกรณ์จังหวัดนนทบุรี เร่งรัดดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วน ลำดับแรกประสานการทำงานร่วมกับ พอช. ในการปรับปรุงที่พักอาศัยชั่วคราวให้มีความปลอดภัย และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ เข้าไปแนะนำและช่วยเหลือรวบรวมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เพื่อประกอบในการดำเนินคดีให้สมบูรณ์ รวมถึงติดตามการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นถึงแม้จะไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานของสหกรณ์ที่กระทำให้สมาชิกเสียหายก็ตาม โดยร่วมกับหน่วยงานในการตามตัวผู้กระทำความผิดให้มารับผิดชอบและลงโทษตามกฎหมายต่อไป” นายวิศิษฐ์ กล่าว

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในลักษณะดังกล่าว จึงได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ เข้าดำเนินการตรวจสอบสหกรณ์ที่มีปัญหาลักษณะเดียวกันนี้ พร้อมทั้งเร่งรัดในการแก้ปัญหา การปิดบัญชีของสหกรณ์ รวมทั้งตรวจสอบทางด้านการเงินด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย