กรุงเทพฯ 15 มิ.ย. – บาทอ่อนค่าหลัง เฟดคงดอกเบี้ยและมีมุมมองปีนี้อาจขึ้นอีก 2 รอบ สกัดเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์ชี้วงจรดอกเบี้ยสหรัฐเป็นปลายทาง เศรษฐกิจสหรัฐ Soft Landing แนะจับตาจีนกระตุ้นเศรษฐกิจผลดีต่อหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยเมื่อเวลา 11.09 น. ดัชนี SET อยู่ที่1,560.69 จุด ปรับตัวลง 0.46 จุด หลังจากเปิดเช้านี้ ดัชนี SET 1,559.35 จุด ปรับตัวลง 1.80 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผอ.ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า มติของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ออกมาที่คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5-5.25% เป็นการคงครั้งแรกในรอบ 15 เดือน แต่ส่งสัญญาณแบบ Hawkish Skip คือปรับ Dot Plot (แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย) ปี 2023 ขึ้นสู่ 5.5-5.75%
อย่างไรก็ดี US Bond Yield ทรงตัว และ Dollar Index อ่อนค่าลง ประเมินว่าแม้มุมมองดอกเบี้ยช่วงที่เหลืออาจจะเห็นการปรับขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐในระยะถัดไปประคองตัวได้ โดยยังคงมุมมองเดิมคือ วงจรดอกเบี้ยสหรัฐเป็นปลายทาง และเศรษฐกิจสหรัฐเป็นภาพ Soft Landing
ในขณะเดียวกันจับตาแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน หลังทางการจีนเรียกเอกชน-นักเศรษฐศาสตร์หารือกว่า 6 ครั้ง ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรายงานจาก Financial Time ประเมินว่าตลาดคาดว่ารัฐบาลจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าราว 1 ล้านล้านหยวน (140 พันล้านเหรียญ) โดยอ้างอิงรายงานจากสำนักข่าว Bloomberg เชื่อว่ามีโกาสที่จีนจะประกาศมาตรการกระตุุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในระยะอันใกล้นี้ ฝ่ายวิจัยมองเป็นบวกต่อหุ้นที่สัมพันธ์กับเศรษฐกิจจีนอย่าง IVL, PTTGC, SCGP, DOHOME, GLOBAL
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงว่า คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. และได้เปิดเผยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.50-5.75% ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
“การที่เฟดตัดสินใจเบรกขึ้นดอกเบี้ยเพราะต้องการเวลามากขึ้นในการประเมินผลกระทบที่เกิดจากการที่เฟดเริ่มวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 2565 รวมทั้งผลกระทบจากการล้มละลายของธนาคาร 3 แห่งในสหรัฐ ว่าจะมีผลต่อกลุ่มผู้บริโภคและภาคธุรกิจอย่างไร และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีก 2 ปีข้างหน้าก็เป็นเรื่องเหมาะสมเช่นกัน แต่ควรจะปรับลดลงเมื่ออัตราเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ” นายพาวเวล ระบุ
นายพาวเวลได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของสหรัฐว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าถูกกดดันจากการที่เฟดดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุกในปีที่แล้ว ซึ่งสภาวะดังกล่าวอาจจะทำให้เฟดต้องใช้เวลานานขึ้นในการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลง แต่เฟดจะดำเนินการดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ให้เศรษฐกิจได้รับความเสียหาย
ถ้อยแถลงของนายพาวเวลสอดคล้องกับรายงาน Dot Plot ซึ่งคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวม 1.00% ในปีดังกล่าว ขณะที่การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.5%
ด้าน น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 34.80-34.82 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.67 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ อ่อนค่าลง ขณะที่เงินดอลลาร์ทยอยได้รับแรงหนุนจาก dot plots ของเฟด ซึ่งสะท้อนมุมมองการคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปี แม้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิมที่กรอบ 5.00-5.25% ในการประชุมที่สิ้นสุดลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (13-14 มิ.ย.) นอกจากนี้การอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินหยวนหลังข้อมูลเศรษฐกิจจีน (อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.) ออกมาอ่อนแอ ก็เป็นปัจจัยกดดัน Sentiment ของสกุลเงินเอเชียในภาพรวมด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย