กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) ยืนยันส่งงบการเงินปี 2565 ทัน 16 มิ.ย. แต่การตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (SPECIAL AUDIT) ไม่ทัน เสนอ ก.ล.ต.ขอขยายเวลาอีก 30 วัน พร้อมเร่งสรุปแผนผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ทยอยส่งหลักฐาน-ดีเอสไอ-ปอศ.แล้ว
จากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีหนังสือถึง บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK ) สั่งการให้ชี้แจงความคืบหน้า 4 ประเด็น ภายวันที่ 13 มิ.ย.2565 ล่าสุด STARK ได้ชี้แจงและเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.เศษของวันที่ 13 มิ.ย.2565 โดยชี้แจงอย่างละเอียดทั้ง 4 ประเด็น ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถาม ดังนี้
1.ความคืบหน้าเกี่ยวกับการจัดทำงบการเงินประจำปี 2565
บริษัทชี้แจงว่า ได้ให้ความร่วมมือและทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้สอบบัญชีรายบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด (“PwC”) ในการร่วมวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและบัญชีของบริษัทในการตรวจสอบบัญชีและจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 ตามแผนการดำเนินงานที่ได้ชี้แจงต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ และการดำเนินการดังกล่าวมีความคืบหน้าอย่างมาก ผู้สอบบัญชีจึงคาดการณ์ว่าจะสามารถออกงบการเงินฉบับตรวจสอบได้ภายในวันที่ 16 มิ.ย.2566 เมื่อผู้สอบบัญชีจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 เรียบร้อยแล้ว บริษัทจะดำเนินการเรียกประชุมสามัญประจำปีของ ผู้ถือหุ้นเพื่อรับรองงบการเงินประจำปี 2565 และแต่งตั้งผู้สอบบัญชีประจำปี 2566 ระหว่างเดือนก.ค. – ส.ค. 2566
2. ความคืบหน้าของการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม (extended-scope special audit)
บริษัทฯ ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2566 ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทได้มีมติอนุมัติการแต่งตั้งให้ PwC เป็นผู้สอบบัญชีเพื่อดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม(extended-scope special audit) โดยบริษัทได้ส่งหนังสือไปยัง ธนาคารต่าง ๆ ขอรายการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีธนาคาร (bank statement) ของบริษัทและบริษัทย่อยมาเปรียบเทียบกับรายการรับจ่ายเงินที่บันทึกอยู่ในบัญชี(general ledger) และรายการทางบัญชีที่เกี่ยวข้อง และได้รับข้อมูลจากหลายธนาคารแล้ว แต่ก็ยังมีข้อมูลหลายส่วนที่บริษัทยังรอข้อมูล หรือตรวจพบข้อจำกัดเกี่ยวกับการตรวจสอบย้อนกลับ เนื่องจากการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติมมีเอกสารและข้อมูลที่ต้องตรวจสอบเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ครอบคลุมธุรกรรมการขาย ลูกหนี้ การรับชำระหนี้ของบริษัทย่อยรายที่สาคัญจำนวน 4 ราย ช่วงระหว่างปี 2564-2565 รวมถึงการเปรียบเทียบรายการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีธนาคาร (bank statement) กับรายการรับจ่ายเงินที่บันทึกอยู่ในบัญชี (general ledger) ในช่วงระหว่างปี2564 ถึงเดือน เม.ย.2566 และปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบย้อนกลับข้างต้น บริษัทและผู้สอบบัญชีได้ประเมินความพร้อมของข้อมูลร่วมกัน และคาดว่าจะไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม (extended-scope special audit) ให้แล้วเสร็จภายใน16 มิ.ย.2566 ได้ จึงขอให้ ก.ล.ต.ขยายระยะเวลาอีก 30 วัน โดย ผู้สอบบัญชีคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภาย ก.ค. 2566 และบริษัทจะรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ
3. สถานการณ์และผลกระทบต่อบริษัทอันสืบเนื่องจากการถูกเรียกให้ชำระหนี้หุ้นกู้ รวมถึงแนวทางดำเนินการเพื่อชำระหนี้คงค้างต่าง ๆ ของบริษัท บริษัทฯ ชี้แจงว่า เนื่องจากผู้ถือหุ้นกู้ของหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และSTARK249A มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิ เรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระโดยพลัน จึงเป็นเหตุให้หนี้เงินต้นค้างชำระรวมจำนวน 2,241,000,000 บาท และดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้หมายเลขดังกล่าวถึงกำหนดชำระโดยพลัน เหตุผิดนัดดังกล่าวยังส่งผลให้เกิดการผิดนัดไขว้ (cross default) ในหุ้นกู้อีก 3 ชุดและสัญญาทางการเงินของบริษัท กล่าวคือ เป็นเหตุผิดนัดภายใต้ (ก) หุ้นกู้ชุด STARK245A STARK255A และ STARK242A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวมจำนวน 6,957,400,000 บาท และ (ข) สัญญาทางการเงินอื่น ๆ ของบริษัท บริษัทจึงต้องดำเนินการหาทางเจรจากับเจ้าหนี้ที่เกี่ยวข้องที่อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ทั้งหมดในลักษณะเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อผู้สอบบัญชีได้เปิดเผยงบการเงินประจำปี 2565 บริษัทจะปรับปรุงและสรุปแผนธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวให้สอดคล้องกับผลประกอบการตามงบการเงินประจำปี 2565 รวมถึงแผนการขอเจรจากับเจ้าหนี้สำคัญต่าง ๆ เพื่อหาแนวทางบริหารการชำระหนี้ร่วมกัน และป้องกันไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกลุ่มเจ้าหนี้ ตลอดจนลดความเสี่ยงในการถูกเพิกถอนการชำระหนี้ โดยะเปิดเผยแนวทางการดำเนินการเพิ่มเติมในภายหลัง
4. การดำเนินการของบริษัทในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้เข้ามาเร่งทำการสืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด
สำหรับประเด็นสุดท้าย บริษัทฯ ชี้แจงว่า นอกเหนือจากการแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่เข้าทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและปรับปรุงระบบการควบคุมภายในให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและป้องกันมิให้เกิด ความเสียหายแก่บริษัท และการตรวจสอบธุรกรรมทางเงิน ข้อมูลทางบัญชีรายการเดินบัญชี เส้นทางการเงิน และจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องในเชิงลึกโดยผู้สอบบัญชีและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องนั้นบริษัทได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อให้สืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจนถึงที่สุด และได้ทยอยส่งมอบข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ให้แก่ทั้งสองหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากข้อจำกัดในการดำเนินกระบวนการทางกฎหมาย จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้.-สำนักข่าวไทย