กรุงเทพฯ 7 มิ.ย. – อธิบดีกรมสรรพสามิต สั่งตั้งกรรมการสอบกรณีมีผู้กล่าวหาผู้บริหารกรมสรรพสามิต โทรเคลียร์รถขนน้ำมันเถื่อน ขอให้ปล่อยตัว ยืนยันหากผิดจริง พร้อมสั่งพักหรือออกจากราชการทันที
นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีฯ และโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงกรณีกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิตประจวบคีรีขันธ์ จับกุมนายสมบัติ ในความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี” ได้ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีรถบรรทุกน้ำมันดีเซล 15,000 ลิตร เป็นของกลางในคดี จนมีรายงานว่า ภายหลังการจับกุม ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมสรรพสามิตรายหนึ่ง โทรศัพท์มาขอเจรจาไม่ให้ดำเนินคดีกับนายสมบัติ แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ไม่ยินยอมพร้อมปฏิเสธกลับไป
ล่าสุด รองอธิบดีฯ กรมสรรพสามิต บอกว่า นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่เคารพต่อกฎหมาย จึงได้สั่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วนโดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ผู้โทรศัพท์มาขอเจรจาเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตจริงหรือไม่ และตรวจสอบว่าน้ำมันจำนวนดังกล่าว เป็นน้ำมันเถื่อนหรือน้ำมันที่ขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต หากมีการกระทำผิดจริง จะดำเนินการต่อบุคคลที่กระทำความผิดตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นทันที ทั้งพักราชการ หรือสูงสุดให้ออกจากราชการ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ประเด็นนี้ด้วย ระบุว่า… “บิ๊กสรรพสามิต ที่โทรมาขอให้ปล่อยรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน คือใคร วันนี้ตำรวจทางหลวงได้เข้าจับกุมรถบรรทุกน้ำมันเถื่อน พร้อมของกลาง น้ำมันดีเซลเถื่อน 15,000 ลิตร ระหว่างการตรวจสอบน้ำมันดีเซลของกลางอยู่นั้น มี จนท.สรรพสามิตระดับสูง หรือบิ๊กสรรพสามิตรายหนึ่ง โทรศัพท์มาหา จนท. สรรพสามิตที่ร่วมจับกุม” ผมขอให้ท่านกรุณาแถลงให้ประชาชนทราบด้วยว่าบิ๊กสรรพสามิตที่เหิมเกริมคนนั้นเป็นใคร และขอให้สอบสวนขยายผล กรณีที่พบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์จากพ่อค้าน้ำมันเถื่อน ควรต้องดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาด .-สำนักข่าวไทย