กรุงเทพฯ 29 พ.ค.-รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหวังรัฐดูแลราคาน้ำมันต่อ ระบุหากไม่มีการลดภาษีน้ำมันดีเซลก็จะทำให้ราคาพุ่งไปที่ 37 บาทต่อลิตรทันที ต้นทุนภาคขนส่งจะสูงขึ้นทันที
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 21 ก.ค.2566 ว่า น้ำมันดีเซล เป็นต้นทุนสำคัญของการขนส่งโลจิสติกส์ โรงงานอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจ โดยต้นทุนการขนส่ง เป็น 10% ของต้นทุนทั้งหมด หากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ก็จะส่งผลให้ต้นทุนขึ้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และหากไม่มีการลดภาษีน้ำมันดีเซลก็จะทำให้ราคาพุ่งไปที่ 37 บาทต่อลิตรทันที ต้นทุนภาคขนส่งจะสูงขึ้นทันทีเช่นกัน เช่น ปัจจุบันราคาดีเซลอยู่ที่ 32 บาท หากน้ำมันขึ้นราคา3 บาท ก็เท่ากับว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นแล้ว 10%ประกอบกับปัญหาเงินเฟ้อสูงที่กำลังเผชิญอยู่ สุดท้ายก็ต้องขึ้นราคาสินค้าภาระก็ตกไปอยู่กับประชาชน ที่ผ่านมารัฐช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทต่อลิตร จึงทำให้ผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาสินหลายรายการเอาไว้ได้
ดังนั้นภาคเอกชน เห็นว่ารัฐบาลรักษาการณ์ควรต่ออายุลดภาษีน้ำมันดีเซล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชาชนต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันโลกปรับลดลงมาที่ประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ประมาณ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ดังนั้นการลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซลอาจจะไม่ต้องถึง 5 บาทเป็น 3 หรือ 4 บาท เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการเก็บภาษี ขณะที่ราคาดีเซลก็ยังไม่เกิน 35 บาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาคเอกชนขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกันเรื่องนี้ เพราะเพิ่งเห็นข่าวออกมา ยังมีเวลาอีกเกือบ 2 เดือน เชื่อว่ารัฐบาลรักษาการจะไม่นิ่งนอนใจ ไม่ปล่อยประชาชนไปตามยถากรรม จะยังดูแลเช่นเดียวกับค่าไฟฟ้า แต่สิ่งที่ภาคเอกชนเป็นห่วงมากกว่าคือ เรื่องค่าไฟฟ้า และการขึ้นค่าแรง.-สำนักข่าวไทย