กรุงเทพฯ 11 มิ.ย./ กระทรวงพลังงานแตรียมปรับ5 แผนหลักพลังงานหลังเทคโนโลยีโลกเปลี่ยน shale oil กดดันราคาน้ำมัน
ลดเป้าหมายเชื้อเพลิงชีสภาพ, Solar Rooftop ทางเลือกพลังงานไฟฟ้า
รวมไปถึงความล่าช้าโรงไฟฟ้าถ่านหินและเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียม
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน
กล่าวว่ากระทรวงฯเตรียมพร้อมสำหรับการประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณ-บงกชที่จะหมดอายุสัมปทานในปี2565-2566 โดยพล.อ.อนันตพร
กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานต้องการให้คัดเลือกทราบผลผู้ประมูลให้เสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์
2561 ซึ่งหากให้เสร็จตามกรอบเวลาดังกล่าวก็ต้องเปิดให้ยื่นสมัครเพื่อประมูลภายในเดือน
กรกฎาคมหรือต้นสิงหาคมนี้
“กระทรวงพลังงานดำเนินการหลากหลายแนวทางรับมือก๊าซลดลงในช่วงรอยต่อการหมดอายุ
สัมปทาน
โดยล่าสุดเจรจากับเชฟรอนฯเพื่อให้คงกำลังผลิตแหล่งเอราวัณให้นานที่สุดเหมือนแหล่งบงกชของ
บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ.แต่เชฟรอนยังคงสงวนท่าทีโดยขอให้ดำเนินการประมูลให้รวดเร็วที่สุด”นายสราวุธกล่าว
สำหรับการเตรียมพร้อมรอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมและ พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมมีผลบังคับใช้ในเร็ว
ๆ นี้ กรมฯเตรียมจะเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างกฏกระทรวงกำหนดแบบสัญญาจ้างบริการหรือSC พ.ศ…..ผ่านช่องทางเซ็บไซต์ของกรมฯเพื่อให้ประชาชนทั่วไปแสดงความคิดเห็นและการรับฟังความคิดเห็นแบบกลุ่มย่อย(Focus
Group) ที่เน้นกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(Stakeholder) หลังจากที่ได้เปิดรับฟังความเห็นร่างกฏกระทรวงกำหนดแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC)
พ.ศ……เสร็จสิ้นแล้ว
นอกจากนี้ กรมฯยังได้มีการหารือเบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น
บมจ.ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ปรับแผนบริหารจัดการก๊าซ(GAS PLAN) จากปัญหาความล่าช้าของโรงไฟฟ้าถ่านหิน
การประมูลแหล่งปิโตรเลียมล่าช้า ซึ่งแผนดังกล่าวจะต้องสอดรับกับแผนอื่นๆ
ทั้งแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า(PDP2015 )
แผนบริหารจัดการน้ำมัน(OIL PLAN) แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP)
และ แผนพลังงานทดแทน(AEDP )อย่างไรก็ตามการปรับแผนจะต้องคำนึงถึงการพยากรณ์ความต้องการใช้พลังงานในภาพรวมก่อนจึงจะทำให้สามารถปรับแผนที่ชัดเจน
รวมถึงพิจารณาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะโซลาร์รูฟท็อปและแบตเตอรี่สำรองพลังงานที่ขณะนี้ต้นทุนต่ำลง
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.)
ปรับแผน AEDP ปี 2558-79 ให้สอดรับกับสถานการณ์พลังงานโลกในระยะยาวและนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟจากพลังงานทดแทนเป็นร้อยละ 40 โดยเบื้องต้นในส่วนของเชื้อเพลิงชีวภาพได้แก่ เอทานอลและไบโอดีเซลนั้นจะปรับลดสัดส่วนลงมาอยู่ที่อย่างละ
7 ล้านลิตรต่อวันในปี 2579
จากแผนเดิมนั้นกำหนดการใช้เอทานอลไว้ ที่ 11.30
ล้านลิตรต่อวัน และไบโอดีเซลที่ 14
ล้านลิตรต่อวันเมื่อสิ้นสุดแผนในปี 2579 ในขณะที่ปัจจุบันการใช้เอทานอลเฉลี่ยอยู่ที่ 3.70 ล้านลิตรต่อวัน ไบโอดีเซลเฉลี่ย 3.30
ล้านลิตรต่อวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุผลที่ต้องปรับเปลี่ยนแผนเพราะเดิมที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 90-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
แต่ในช่วง 2-3 ปีราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ประมาณ 30-50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเนื่องจากแนวโน้มน้ำมันดิบมีการผลิตเกินความต้องการทั้งจากแหล่งใหม่และการผลิตจากชั้นหินดินดาน
หรือshale oil ในสหรัฐ-สำนักข่าวไทย