ส่งตู้เติมเงินกะปุกร้านโชห่วยหวังอำนวยความสะดวกแก่ชุมชน

นนทบุรี 25 พ.ค.-กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือ AWS ส่งตู้เติมเงิน ‘กะปุก’ ให้ร้านโชห่วยทั่วไทยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชุมชน เสริมรายได้ผู้ประกอบขยายฐานลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใกล้บ้าน คาดสร้างรายได้ให้ร้านโชห่วยปีละ 30,000 – 50,000 บาท


นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดเผยว่าโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เป็นโครงการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานพันธมิตรร่วมกันพัฒนาร้านค้าปลีกรายย่อย หรือ โชห่วยทั่วประเทศให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีและมีการจัดรูปแบบร้านค้าที่ สวย สะอาด สว่าง สะดวก สบาย นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการร้านค้า รวมถึง มีความรู้ที่จำเป็นต่อการบริหารธุรกิจ: รู้จักลูกค้า รู้จักสินค้า รู้จักใช้เงิน และรู้จักกำไร โดยโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับการสนับสนุนตู้เติมเงิน ‘กะปุก’ หรือ ‘Kapook’ จำนวน 200 ตู้ จากบริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AWS ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เพื่อดำเนินการมอบให้แก่ร้านค้าทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการฯ ในปีนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ภายใต้แนวคิด ‘ขยายฐานลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใกล้บ้าน’ ซึ่งตู้กะปุกสามารถให้บริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ วอลเลท (Wallet) บัตรเงินสด เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการโชห่วย โดยการนำตู้กะปุกซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไปให้บริการเสริมแก่คนในชุมชน เป็นการให้บริการเพิ่มเติมจากการขายสินค้าอุปโภค-บริโภคตามปกติ ช่วยขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลาย ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ หรือชำระค่าบริการประเภทต่างๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยสามารถทำธุรกรรมได้ที่ร้านสมาร์ทโชห่วยใกล้บ้าน ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย


ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้น การให้บริการตู้กะปุก 1 ตู้ จะมีรายได้ประมาณ 30,000 – 50,000 บาท ต่อปี โดยรายรับมาจาก 2 ทาง คือ 1) ค่าธรรมเนียมเติมเงิน เช่น เติมเงิน 20 บาท ค่าธรรมเนียม 2 บาท เป็นต้น และ 2) เปอร์เซ็นต์จากยอดเติมเงินที่จะได้รับจากเจ้าของเครือข่ายเติมเงิน (ประมาณ 2.7% – 3%) ขณะเดียวกันร้านสมาร์ทโชห่วยที่ติดตั้งตู้กะปุกจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 100 บาท (ค่าบริหารจัดการรายเดือนซิม โทรศัพท์ 50 บาท และค่าไฟตู้กะปุกประมาณ 50 บาท) ซึ่งเมื่อหักกลบลบยอดระหว่างรายรับและรายจ่ายแล้ว ผู้ประกอบการยังคงมีรายรับที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการตู้กะปุก ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมจากการขายสินค้าภายในร้าน นอกจากนี้ AWS ซึ่งเป็นเจ้าของตู้กะปุกจะเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำตลอดระยะเวลาการใช้งาน ทั้งนี้ หากดำเนินการแจกตู้กะปุกได้ครบ 200 ตู้ คาดว่าจะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในนามกรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอขอบคุณบริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) : AWS ที่ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักโครงการฯ และมอบตู้เติมเงินกะปุก จำนวน 200 ตู้ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพ สร้างรายได้ และเสริมจุดแข็งแก่ผู้ประกอบการร้านสมาร์ทโชห่วย ทำให้มีเครื่องมือในการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยกรมฯ และ AWS จะร่วมกันส่งมอบตู้กะปุกในงานสัมมนา ‘ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สร้างเครือข่าย สู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย’ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ณ จังหวัดกาฬสินธุ์ และวันที่ 3, 5, 22 และ 25 มิถุนายน 2566 ณ จังหวัดนครราชสีมา อุตรดิตถ์ อุดรธานี และร้อยเอ็ด ตามลำดับ ร้านสมาร์ทโชห่วยที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจการค้า กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทรศัพท์ 0 2547 5986 และเฟสบุ๊คเพจ ‘สมาร์ทโชห่วย’ อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย

นายวิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์ม และระบบ IT Solution แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 15 ปี และเป็นผู้ผลิต/จำหน่ายตู้ Kapook Topup ผู้ให้บริการเติมเงิน เติม Wallet และบริการชำระบิลค่าบริการต่างๆ มีความยินดีและรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านบริการเสริมกับโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนพัฒนาร้านโชห่วยทั่วประเทศไทยให้กลายเป็นร้านค้าที่ทันสมัย ด้วยบริการเสริมตู้เติมเงิน Kapook Topup ให้แก่ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าภายในร้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในฐานะบริษัทเป็นผู้พัฒนาระบบและเจ้าของแบรนด์ผู้ผลิตตู้เติมเงิน Kapook Topup ได้เล็งเห็นความสำคัญของโครงการดังกล่าว และต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจชุมชนมีความเข้มแข็ง เพราะเมื่อเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจของทั้งประเทศในภาพรวมก็จะมีความมั่นคงแข็งแกร่งตามไปด้วย


ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้เกิดแก่ระดับชุมชนที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจ บริษัทจึงได้มอบตู้เติมเงิน Kapook Topup รุ่น Plus ราคาตู้ละ 13,500 บาท ให้แก่ร้านค้าโชห่วยที่เข้าร่วมโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ทั่วประเทศ จำนวน 200 ตู้ มูลค่า 2.7 ล้านบาท เพื่อให้ร้านโชห่วยสามารถนำไปสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมในการเติมเงินมือถือและค่าธรรมเนียมชำระค่าบริการต่างๆ อัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและข้อได้เปรียบในการแข่งขันให้กับร้านโชห่วย สร้างรายได้ที่มั่นคง เพื่อส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เติบโตพร้อมกันในทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็งยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]