EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทย ‘โชว์จุดขายใช้จุดแข็ง’ ส่ง Soft Power เจาะตลาดซาอุฯ

24 พ.ค. – EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทย ‘โชว์จุดขายใช้จุดแข็ง’ ส่ง Soft Power เจาะตลาดซาอุดีอาระเบีย


เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาหน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้ออกมาคาดการณ์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้ไว้ในทำนองเดียวกันว่าไม่สดใสนัก อันเนื่องมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และเป็นตลาดสำคัญของภาคการส่งออกไทย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากประวัติศาสตร์การค้าโลกที่ผ่านมา ตลาดการค้าหลักมักมีที่ตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน แต่ในปัจจุบันการพยากรณ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าโลกชี้ว่าแรงขับเคลื่อนหลักกำลังขยับตัวลงมาใต้เส้นศูนย์สูตรลงไป ได้แก่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และอาเซียน สิ่งเหล่านี้สามารถบอกได้ว่าในสภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันเราควรค้าขายกับใครเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากผลกระทบที่ได้รับจากตลาดการค้าเดิม พร้อมแนะตลาดที่ผู้ประกอบการไทยควรค้าขายด้วยเพื่อกระจายความเสี่ยงเดิมนั่นคือ ตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศมหามิตรของไทยที่ห่างหายกันไปกว่า 30 ปี และกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ต่อกันอีกครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูงของธนาคารโลก ด้วยระดับรายได้ประชาชาติต่อคนต่อปี (GNI per Capita) สูงถึง 21,540 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบกับไทยที่ระดับ 7,090 ดอลลาร์สหรัฐ) ประกอบกับการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ด้วยนโยบาย VISION 2030 ที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ในประเทศ ลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงอย่างเดียว นำมาซึ่งโครงการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานสะอาด (พลังงานหมุนเวียน EV และไฮโดรเจน) โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น โดยโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ครอบคลุมถึงความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างประชากรซาอุดีอาระเบียที่มีประชากรวัยหนุ่มสาว (อายุต่ำกว่า 25 ปี) ถึง 37% ของประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงแนวโน้มการยอมรับสินค้าและวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่จะเปิดกว้างมากขึ้นตามพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ และสร้างโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านรสนิยมของผู้บริโภคในระยะข้างหน้า


กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อว่า แม้โอกาสการค้าการลงทุนไทยในซาอุดีอาระเบียจะกลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าเป็นสนามที่มีผู้เล่นต่างชาติจากทั่วโลกจับตามองและการแข่งขันอยู่ในระดับสูง ดังนั้น การเร่งขยายความสัมพันธ์ต่อเนื่องโดยเฉพาะในภาคธุรกิจไปจนถึงการใช้ประโยชน์จาก Soft Power อาทิ ภาคการท่องเที่ยว จากแนวโน้มการเดินทางมาประเทศไทยของนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียที่เพิ่มขึ้น จะมีส่วนช่วยสร้างแต้มต่อให้สินค้าและบริการไทยสามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดซาอุดีอาระเบียได้สูสียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังต้อง “โชว์จุดขายและใช้จุดแข็ง” ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างการยอมรับให้มากยิ่งขึ้น

โชว์จุดขายด้านการส่งออก
ปัจจุบันมูลค่าส่งออกไทยไปซาอุดีอาระเบียยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ โดยในปี 2565 ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดส่งออกอันดับ 28 ของไทย มูลค่าอยู่ที่ 2,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้ง ๆ ที่ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดใหญ่ของตะวันออกกลาง ดังนั้น การส่งออกของไทยจึงสามารถขยายตัวได้อีกหากทำการตลาดอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันในมิติของการกระจายตัวของสินค้า พบว่าการส่งออกของไทยราว 50% เป็นการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนไปซาอุดีอาระเบีย ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเจ้าของแบรนด์ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียในอดีต ดังนั้น การผลักดันการส่งออกของไทยในปัจจุบันจึงควรเน้นการกระจายตัวของสินค้าอื่นให้มากขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีโอกาสขยายตัวเป็นกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปที่สามารถทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการรับรู้และยอดขาย อาทิ อาหาร (ฮาลาล) อุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง รวมไปถึงกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ยังมีโอกาสขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนของซาอุดีอาระเบีย

ใช้จุดแข็งด้านการลงทุน
ซาอุดีอาระเบียมีแผนผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยได้ออกแผน VISION 2030 ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม อาทิ Chemicals, IT, Healthcare and Life Sciences, Tourism และ Real-estate ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการใช้จุดแข็งจากธุรกิจศักยภาพของไทย อาทิ การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การรับบริหารโรงแรม การบริการทางการแพทย์ และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อเข้าไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในซาอุดีอาระเบีย


“วันนี้ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในสินค้าไทยในตลาดซาอุดีอาระเบียให้มากขึ้น EXIM BANK มี “สินเชื่อเพื่อการร่วมงานแสดงสินค้า (Trade Fair Financing)” เพื่อสนับสนุน SMEs ทั้งที่ส่งออกอยู่แล้วและยังไม่เคยส่งออก ให้สามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศ หรือต่างประเทศได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและขยายธุรกิจ รวมไปถึงการสนับสนุนการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ หากนักธุรกิจไทยต้องการแต่งงานในเชิงธุรกิจกับนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย หรืออยากจะเชิญมาร่วมลงทุนในประเทศไทยก็สามารถมาเอาค่าสินสอดที่ EXIM BANK ได้เช่นกัน เราเป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดที่จะช่วยสร้างความเป็นไปได้ทางธุรกิจ พร้อมกับเติมความกล้าให้ผู้ประกอบการด้วยประกันการส่งออกและการลงทุน ซึ่งจะช่วยคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ให้ SMEs สามารถออกไปคว้าโอกาสในตลาดซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประตูทองสู่โลกอาหรับ และกลุ่มประเทศที่เรียกว่า MENA หรือ Middle East and North Africa ที่มีประชากรอีกกว่า 300 ล้านคนได้อย่างมั่นใจ” ดร.รักษ์ กล่าว

ในโลกยุค Next Normal ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจที่จะได้ไปต่อคือ ธุรกิจที่พร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดโยงความอยู่รอดไว้กับตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป วันนี้ตลาดซาอุดีอาระเบียเป็นอีกตลาดหนึ่งที่พร้อมจะอ้าแขนรับผู้ประกอบการจากทั่วโลกให้เข้าไปค้าขายและลงทุน SMEs ไทยจึงควรใช้ทั้งจุดขายและจุดแข็งของศักยภาพที่มีอยู่ เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจ ร่วมกับการใช้เครื่องมือทางการเงินที่สถาบันการเงินของรัฐอย่าง EXIM BANK ให้การสนับสนุน เพื่อให้ SMEs ไทย เข้าไปคว้าโอกาสในตลาดต่างประเทศอย่างซาอุดีอาระเบียได้ และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลกต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ปิดด่านคลองลึกวันแรกเงียบเหงา ชาวกัมพูชารอข้ามแดน

สระแก้ว 24 มิ.ย.-บรรยากาศการปิดด่านพรมแดนคลองลึก จ.สระแก้ว วันแรก เงียบเหงา มีนักเรียนข้ามแดนบางตา ขณะที่ชาวกัมพูชามานั่งรอเพื่อข้ามแดนกลับประเทศ สถานการณ์ที่ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังกองทัพมีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา เช้าวันนี้มีชาวกัมพูชาประมาณ 40 คนที่พากันมานั่งรอ เพราะคาดหวังว่าจะได้ข้ามกลับไปกัมพูชา ส่วนนักเรียนข้ามแดนค่อนข้างบางตา แม้ว่าทางการอนุญาตให้นักเรียนสามารถเดินทางข้ามแดนไป-กลับเพื่อศึกษาเล่าเรียนได้ในช่วงเวลา 06.00 น. และ 17.00 น. ของแต่ละวัน ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธร จว.สระแก้ว ก็ได้นำกำลัง ตร.ควบคุมฝูงชน 170 นาย เข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัย และคอยช่วย จนท.ตม.ทำความเข้าใจกับชาวกัมพูชา ที่มารอข้ามแดน ซึ่งหลังจากที่มีคนเริ่มมารอมากขึ้น จึงได้มีการประกาศให้ทราบว่า ในวันนี้ช่วงเวลา 17.00-20.00 น. จึงจะเปิดด่าน ให้ชาวกัมพูชาสามารถข้ามกลับไปยังประเทศของตนได้ เนื่องจากคนที่มารอมีทั้งคนที่ไม่ทราบข่าวว่ามีการปิดด่าน และคนที่ทราบ ก็มาโดยที่คาดว่าอาจจะไม่เข้มงวดขนาดนั้น แต่ที่สุดก็ต้องนั่งรอเพื่อข้ามแดนพร้อมกับคนอื่นๆ ในช่วงเย็นวันนี้เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เข้าใจดีถึงสถานการณ์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากชาวกัมพูชา ก็มีชาวไทยและชาวต่างชาติอีกประปราย ที่เดินทางมาขอข้ามแดนเพื่อไปทำงานหรือทำธุระ แต่ภาพรวมขณะนี้ยังถือมีความเรียบร้อยดี.-สำนักข่าวไทย

พล.อ.ประยุทธ์-นายกฯ เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระสังฆราช

วัดราชบพิธ 24 มิ.ย.-พล.อ.ประยุทธ์-นายกฯ พร้อมคู่สมรส เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 26 มิถุนายน 2568 นายกฯ เผยพบทักทาย พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ไม่ตอบฝากอะไรถึงสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 26 มิถุนายน 2568 ณ พระตำหนักอรุณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเวลา 09.05 น. โดยได้วางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณข้างอุโบสถ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ต่อมาเวลา 09.08 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี องคมนตรี ได้เดินทางมาถึง เข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก […]

‘ทรัมป์’ ระบุอิสราเอล-อิหร่านตกลงหยุดยิงแล้ว

วอชิงตัน 24 มิ.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศในวันจันทร์ ถึงการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งน่าจะเป็นการยุติสงครามที่ดำเนินมา 12 วันระหว่างทั้งสองฝ่าย ที่ทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องอพยพออกจากกรุงเตหะรานของอิหร่าน และทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการยกระดับความรุนแรงในภูมิภาคที่บอบช้ำจากสงคราม นายทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทางแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ “ทรูธ โซเชียล” (Truth Social) ของเขาว่า ด้วยสมมติฐานว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่สมควร เขาขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศ ทั้งอิสราเอลและอิหร่าน ที่มีทั้งความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และสติปัญญาในการยุติสิ่งที่ควรจะเรียกว่า ‘สงคราม 12 วัน’   ขณะนี้ยังไม่มีความคิดเห็นจากอิสราเอลในทันทีในเรื่องหยุดยิง แม้ว่าเจ้าหน้าที่อิหร่านรายหนึ่งได้ยืนยันก่อนหน้านี้ว่าเตหะรานตกลงที่จะหยุดยิงแล้ว แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านกล่าวว่าจะไม่มีการยุติการสู้รบเว้นแต่อิสราเอลจะหยุดการโจมตี อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าวเมื่อช่วงเช้าวันอังคารว่า หากอิสราเอลหยุด “การรุกรานที่ผิดกฎหมาย” ต่อชาวอิหร่านไม่เกินเวลา 04.00 น. เช้าวันอังคารตามเวลาอิหร่าน หรือตรงกับ 7.30 น. ของวันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย อิหร่านก็ไม่มีเจตนาที่จะดำเนินการตอบโต้ต่อไป จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านนับตั้งแต่เวลานั้น นายอารากชีกล่าวเสริมในโพสต์ข้อความผ่านทางเอ็กซ์ว่า การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการยุติปฏิบัติการทางทหารของอิหร่านจะมีการตัดสินใจในภายหลัง อิสราเอล ซึ่งมีสหรัฐเข้าร่วมด้วยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลงมือโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน หลังจากกล่าวหาว่าอิหร่านใกล้จะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้แล้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวกล่าวว่า […]

รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย

23 มิ.ย.- ‘ปลัดฯ บุญสงค์’ รับ 22 แรงงานไทยสิ้นสุดระยะเวลาการทำงานจากอิสราเอลกลับถึงไทย ขณะที่ล่าสุดแจ้งขอกลับเพิ่ม 9 ราย วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 20.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายศักดินาถ สนธิศักดิ์โยธิน ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะ รับและพบปะพูดคุยให้กำลังใจแรงงานไทยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท Chemo Aharon Ltd. จำนวน 22 ราย ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรม สัญญาจ้าง 2 ปี และเป็นกลุ่มแรงงานที่สิ้นสุดโปรเจคระยะสั้น จึงเดินทางกลับประเทศไทย โดย ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แรงงานกลุ่มดังกล่าวมีกำหนดเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ตามกำหนด โดยทางบริษัท […]