EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทย ‘โชว์จุดขายใช้จุดแข็ง’ ส่ง Soft Power เจาะตลาดซาอุฯ

24 พ.ค. – EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทย ‘โชว์จุดขายใช้จุดแข็ง’ ส่ง Soft Power เจาะตลาดซาอุดีอาระเบีย


เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาหน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้ออกมาคาดการณ์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้ไว้ในทำนองเดียวกันว่าไม่สดใสนัก อันเนื่องมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และเป็นตลาดสำคัญของภาคการส่งออกไทย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากประวัติศาสตร์การค้าโลกที่ผ่านมา ตลาดการค้าหลักมักมีที่ตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน แต่ในปัจจุบันการพยากรณ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าโลกชี้ว่าแรงขับเคลื่อนหลักกำลังขยับตัวลงมาใต้เส้นศูนย์สูตรลงไป ได้แก่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และอาเซียน สิ่งเหล่านี้สามารถบอกได้ว่าในสภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันเราควรค้าขายกับใครเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากผลกระทบที่ได้รับจากตลาดการค้าเดิม พร้อมแนะตลาดที่ผู้ประกอบการไทยควรค้าขายด้วยเพื่อกระจายความเสี่ยงเดิมนั่นคือ ตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศมหามิตรของไทยที่ห่างหายกันไปกว่า 30 ปี และกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ต่อกันอีกครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูงของธนาคารโลก ด้วยระดับรายได้ประชาชาติต่อคนต่อปี (GNI per Capita) สูงถึง 21,540 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบกับไทยที่ระดับ 7,090 ดอลลาร์สหรัฐ) ประกอบกับการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ด้วยนโยบาย VISION 2030 ที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ในประเทศ ลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงอย่างเดียว นำมาซึ่งโครงการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานสะอาด (พลังงานหมุนเวียน EV และไฮโดรเจน) โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น โดยโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ครอบคลุมถึงความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างประชากรซาอุดีอาระเบียที่มีประชากรวัยหนุ่มสาว (อายุต่ำกว่า 25 ปี) ถึง 37% ของประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงแนวโน้มการยอมรับสินค้าและวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่จะเปิดกว้างมากขึ้นตามพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ และสร้างโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านรสนิยมของผู้บริโภคในระยะข้างหน้า


กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อว่า แม้โอกาสการค้าการลงทุนไทยในซาอุดีอาระเบียจะกลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าเป็นสนามที่มีผู้เล่นต่างชาติจากทั่วโลกจับตามองและการแข่งขันอยู่ในระดับสูง ดังนั้น การเร่งขยายความสัมพันธ์ต่อเนื่องโดยเฉพาะในภาคธุรกิจไปจนถึงการใช้ประโยชน์จาก Soft Power อาทิ ภาคการท่องเที่ยว จากแนวโน้มการเดินทางมาประเทศไทยของนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียที่เพิ่มขึ้น จะมีส่วนช่วยสร้างแต้มต่อให้สินค้าและบริการไทยสามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดซาอุดีอาระเบียได้สูสียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังต้อง “โชว์จุดขายและใช้จุดแข็ง” ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างการยอมรับให้มากยิ่งขึ้น

โชว์จุดขายด้านการส่งออก
ปัจจุบันมูลค่าส่งออกไทยไปซาอุดีอาระเบียยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ โดยในปี 2565 ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดส่งออกอันดับ 28 ของไทย มูลค่าอยู่ที่ 2,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้ง ๆ ที่ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดใหญ่ของตะวันออกกลาง ดังนั้น การส่งออกของไทยจึงสามารถขยายตัวได้อีกหากทำการตลาดอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันในมิติของการกระจายตัวของสินค้า พบว่าการส่งออกของไทยราว 50% เป็นการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนไปซาอุดีอาระเบีย ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเจ้าของแบรนด์ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียในอดีต ดังนั้น การผลักดันการส่งออกของไทยในปัจจุบันจึงควรเน้นการกระจายตัวของสินค้าอื่นให้มากขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีโอกาสขยายตัวเป็นกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปที่สามารถทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการรับรู้และยอดขาย อาทิ อาหาร (ฮาลาล) อุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง รวมไปถึงกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ยังมีโอกาสขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนของซาอุดีอาระเบีย

ใช้จุดแข็งด้านการลงทุน
ซาอุดีอาระเบียมีแผนผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยได้ออกแผน VISION 2030 ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม อาทิ Chemicals, IT, Healthcare and Life Sciences, Tourism และ Real-estate ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการใช้จุดแข็งจากธุรกิจศักยภาพของไทย อาทิ การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การรับบริหารโรงแรม การบริการทางการแพทย์ และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อเข้าไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในซาอุดีอาระเบีย


“วันนี้ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในสินค้าไทยในตลาดซาอุดีอาระเบียให้มากขึ้น EXIM BANK มี “สินเชื่อเพื่อการร่วมงานแสดงสินค้า (Trade Fair Financing)” เพื่อสนับสนุน SMEs ทั้งที่ส่งออกอยู่แล้วและยังไม่เคยส่งออก ให้สามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศ หรือต่างประเทศได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและขยายธุรกิจ รวมไปถึงการสนับสนุนการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ หากนักธุรกิจไทยต้องการแต่งงานในเชิงธุรกิจกับนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย หรืออยากจะเชิญมาร่วมลงทุนในประเทศไทยก็สามารถมาเอาค่าสินสอดที่ EXIM BANK ได้เช่นกัน เราเป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดที่จะช่วยสร้างความเป็นไปได้ทางธุรกิจ พร้อมกับเติมความกล้าให้ผู้ประกอบการด้วยประกันการส่งออกและการลงทุน ซึ่งจะช่วยคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ให้ SMEs สามารถออกไปคว้าโอกาสในตลาดซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประตูทองสู่โลกอาหรับ และกลุ่มประเทศที่เรียกว่า MENA หรือ Middle East and North Africa ที่มีประชากรอีกกว่า 300 ล้านคนได้อย่างมั่นใจ” ดร.รักษ์ กล่าว

ในโลกยุค Next Normal ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจที่จะได้ไปต่อคือ ธุรกิจที่พร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดโยงความอยู่รอดไว้กับตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป วันนี้ตลาดซาอุดีอาระเบียเป็นอีกตลาดหนึ่งที่พร้อมจะอ้าแขนรับผู้ประกอบการจากทั่วโลกให้เข้าไปค้าขายและลงทุน SMEs ไทยจึงควรใช้ทั้งจุดขายและจุดแข็งของศักยภาพที่มีอยู่ เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจ ร่วมกับการใช้เครื่องมือทางการเงินที่สถาบันการเงินของรัฐอย่าง EXIM BANK ให้การสนับสนุน เพื่อให้ SMEs ไทย เข้าไปคว้าโอกาสในตลาดต่างประเทศอย่างซาอุดีอาระเบียได้ และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลกต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]