EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทย ‘โชว์จุดขายใช้จุดแข็ง’ ส่ง Soft Power เจาะตลาดซาอุฯ

24 พ.ค. – EXIM BANK แนะผู้ประกอบการไทย ‘โชว์จุดขายใช้จุดแข็ง’ ส่ง Soft Power เจาะตลาดซาอุดีอาระเบีย


เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาหน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้ออกมาคาดการณ์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้ไว้ในทำนองเดียวกันว่าไม่สดใสนัก อันเนื่องมาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก และเป็นตลาดสำคัญของภาคการส่งออกไทย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากประวัติศาสตร์การค้าโลกที่ผ่านมา ตลาดการค้าหลักมักมีที่ตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน แต่ในปัจจุบันการพยากรณ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าโลกชี้ว่าแรงขับเคลื่อนหลักกำลังขยับตัวลงมาใต้เส้นศูนย์สูตรลงไป ได้แก่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และอาเซียน สิ่งเหล่านี้สามารถบอกได้ว่าในสภาวะเศรษฐกิจโลกปัจจุบันเราควรค้าขายกับใครเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงจากผลกระทบที่ได้รับจากตลาดการค้าเดิม พร้อมแนะตลาดที่ผู้ประกอบการไทยควรค้าขายด้วยเพื่อกระจายความเสี่ยงเดิมนั่นคือ ตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศมหามิตรของไทยที่ห่างหายกันไปกว่า 30 ปี และกลับมาฟื้นความสัมพันธ์ต่อกันอีกครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้สูงของธนาคารโลก ด้วยระดับรายได้ประชาชาติต่อคนต่อปี (GNI per Capita) สูงถึง 21,540 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบกับไทยที่ระดับ 7,090 ดอลลาร์สหรัฐ) ประกอบกับการเดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ด้วยนโยบาย VISION 2030 ที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจใหม่ในประเทศ ลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงอย่างเดียว นำมาซึ่งโครงการลงทุนในหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานสะอาด (พลังงานหมุนเวียน EV และไฮโดรเจน) โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น โดยโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ครอบคลุมถึงความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ โครงสร้างประชากรซาอุดีอาระเบียที่มีประชากรวัยหนุ่มสาว (อายุต่ำกว่า 25 ปี) ถึง 37% ของประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงแนวโน้มการยอมรับสินค้าและวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่จะเปิดกว้างมากขึ้นตามพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ และสร้างโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านรสนิยมของผู้บริโภคในระยะข้างหน้า


กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่อว่า แม้โอกาสการค้าการลงทุนไทยในซาอุดีอาระเบียจะกลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าเป็นสนามที่มีผู้เล่นต่างชาติจากทั่วโลกจับตามองและการแข่งขันอยู่ในระดับสูง ดังนั้น การเร่งขยายความสัมพันธ์ต่อเนื่องโดยเฉพาะในภาคธุรกิจไปจนถึงการใช้ประโยชน์จาก Soft Power อาทิ ภาคการท่องเที่ยว จากแนวโน้มการเดินทางมาประเทศไทยของนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียที่เพิ่มขึ้น จะมีส่วนช่วยสร้างแต้มต่อให้สินค้าและบริการไทยสามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดซาอุดีอาระเบียได้สูสียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังต้อง “โชว์จุดขายและใช้จุดแข็ง” ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างการยอมรับให้มากยิ่งขึ้น

โชว์จุดขายด้านการส่งออก
ปัจจุบันมูลค่าส่งออกไทยไปซาอุดีอาระเบียยังอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ โดยในปี 2565 ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดส่งออกอันดับ 28 ของไทย มูลค่าอยู่ที่ 2,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้ง ๆ ที่ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดใหญ่ของตะวันออกกลาง ดังนั้น การส่งออกของไทยจึงสามารถขยายตัวได้อีกหากทำการตลาดอย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันในมิติของการกระจายตัวของสินค้า พบว่าการส่งออกของไทยราว 50% เป็นการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนไปซาอุดีอาระเบีย ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเจ้าของแบรนด์ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียในอดีต ดังนั้น การผลักดันการส่งออกของไทยในปัจจุบันจึงควรเน้นการกระจายตัวของสินค้าอื่นให้มากขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีโอกาสขยายตัวเป็นกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปที่สามารถทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการรับรู้และยอดขาย อาทิ อาหาร (ฮาลาล) อุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง รวมไปถึงกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ยังมีโอกาสขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนของซาอุดีอาระเบีย

ใช้จุดแข็งด้านการลงทุน
ซาอุดีอาระเบียมีแผนผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ลดการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงอย่างเดียว โดยได้ออกแผน VISION 2030 ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม อาทิ Chemicals, IT, Healthcare and Life Sciences, Tourism และ Real-estate ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการใช้จุดแข็งจากธุรกิจศักยภาพของไทย อาทิ การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การรับบริหารโรงแรม การบริการทางการแพทย์ และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อเข้าไปแสวงหาโอกาสการลงทุนในซาอุดีอาระเบีย


“วันนี้ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในสินค้าไทยในตลาดซาอุดีอาระเบียให้มากขึ้น EXIM BANK มี “สินเชื่อเพื่อการร่วมงานแสดงสินค้า (Trade Fair Financing)” เพื่อสนับสนุน SMEs ทั้งที่ส่งออกอยู่แล้วและยังไม่เคยส่งออก ให้สามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศ หรือต่างประเทศได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและขยายธุรกิจ รวมไปถึงการสนับสนุนการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ หากนักธุรกิจไทยต้องการแต่งงานในเชิงธุรกิจกับนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย หรืออยากจะเชิญมาร่วมลงทุนในประเทศไทยก็สามารถมาเอาค่าสินสอดที่ EXIM BANK ได้เช่นกัน เราเป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดที่จะช่วยสร้างความเป็นไปได้ทางธุรกิจ พร้อมกับเติมความกล้าให้ผู้ประกอบการด้วยประกันการส่งออกและการลงทุน ซึ่งจะช่วยคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ให้ SMEs สามารถออกไปคว้าโอกาสในตลาดซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประตูทองสู่โลกอาหรับ และกลุ่มประเทศที่เรียกว่า MENA หรือ Middle East and North Africa ที่มีประชากรอีกกว่า 300 ล้านคนได้อย่างมั่นใจ” ดร.รักษ์ กล่าว

ในโลกยุค Next Normal ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจที่จะได้ไปต่อคือ ธุรกิจที่พร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดโยงความอยู่รอดไว้กับตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป วันนี้ตลาดซาอุดีอาระเบียเป็นอีกตลาดหนึ่งที่พร้อมจะอ้าแขนรับผู้ประกอบการจากทั่วโลกให้เข้าไปค้าขายและลงทุน SMEs ไทยจึงควรใช้ทั้งจุดขายและจุดแข็งของศักยภาพที่มีอยู่ เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจ ร่วมกับการใช้เครื่องมือทางการเงินที่สถาบันการเงินของรัฐอย่าง EXIM BANK ให้การสนับสนุน เพื่อให้ SMEs ไทย เข้าไปคว้าโอกาสในตลาดต่างประเทศอย่างซาอุดีอาระเบียได้ และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลกต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ตรึงกำลังเข้ม-รถจีโน่เข้าประจำการชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 20 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นำรถจีโน่เข้าประจำการชายแดน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ขณะที่น้ำใจชาวไทยหลั่งไหลสู่เจ้าหน้าที่ไม่ขาดสาย ส่วนที่จันทบุรี วางลวดหนามหีบเพลงตามจุดล่อแหลม.-สำนักข่าวไทย

Delayed flights at Brussels airport after cyberattack disrupts operations

เหตุโจมตีไซเบอร์ป่วนสนามบินในยุโรป

ลอนดอน 20 ก.ย. – สนามบินในยุโรปหลายแห่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ต่อระบบเช็กอินและการขึ้นเครื่อง ทำให้เที่ยวบินล่าช้าและถูกยกเลิกบางส่วน ขณะที่สหรัฐมีเหตุขัดข้องที่สนามบินในเมืองดัลลัส ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษแจ้งเตือนเรื่องเที่ยวบินล่าช้า เนื่องจากบริษัทคอลลินส์ แอโรสเปซ (Collins Aerospace) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเช็คอินและขึ้นเครื่องให้กับสายการบินหลายสายในสนามบินหลายแห่งทั่วโลกกำลังประสบปัญหาทางเทคนิค ซึ่งอาจกระทบต่อผู้โดยสารขาออก   ขณะที่ท่าอากาศยานบรัสเซลส์ของเบลเยียมแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น การโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้ทำให้ระบบการเช็คอินอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องใช้การเช็คอินและขึ้นเครื่องด้วยระบบมือเท่านั้น ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อกำหนดตารางการบิน ทำให้เที่ยวบินล่าช้าและยกเลิก ขอให้ผู้โดยสารที่มีกำหนดเดินทางในวันเสาร์ตรวจสอบกับสายการบินก่อนเดินทางไปยังสนามบิน ด้านท่าอากาศยานเบอร์ลินของเยอรมนีแจ้งข้อความผ่านเว็บไซต์ว่า เนื่องจากบริษัทผู้ให้บริการระบบเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ส่งผลให้การเช็คอินต้องใช้เวลานานขึ้น แต่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต ซึ่งเป็นสนามบินใหญ่ที่สุดในเยอรมนีและท่าอากาศยานซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด อาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของคอลลินส์ แอโรสเปซแจ้งว่า ทราบเรื่องซอฟต์แวร์ที่สนามบินบางแห่งมีปัญหาที่เกี่ยวกับไซเบอร์แล้ว แต่ไม่ได้ระบุชื่อสนามบินเหล่านั้น ส่วนที่สหรัฐองค์การบริหารการบินแห่งชาติหรือเอฟเอเอ (FAA) ได้สั่งระงับเที่ยวบินขาออกมากกว่า 1,800 เที่ยวที่สนามบิน 2 แห่งของเมืองดัลลัส ในรัฐเท็กซัสเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น และต้องยกเลิกเที่ยวบินอีกหลายร้อยเที่ยว หลังจากระบบโทรคมนาคมเกิดปัญหาขัดข้อง เอฟเอเอระบุว่า ปัญหาการจราจรล่าช้าเกิดจากอุปกรณ์ของบริษัทโทรคมนาคมท้องถิ่นมีปัญหา ไม่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ของเอฟเอเอ และเอฟเอเอได้ร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคมดังกล่าวเพื่อหาสาเหตุของปัญหาแล้ว.-816(814).-สำนักข่าวไทย

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]