48 ปี ตลท. เดินหน้าเติบโตอย่างยั่งยืน 

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – ตลท.เผยตลาดทุนไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ปี 65 มาเก็ตแคป สูงถึง 20.93 ล้านบาท หรือ 121%  โดยมี IPO สูงสุดในอาเซียน พร้อมเดินหน้าสุ๋ความท้าทาย ส่งเสริม ESG 


SET Note ฉบับที่ 6-2566 เผยแพร่รายงานของ นายฉัตรชัย ทิศาดลดิลก และนายพริษฐ์ เงาเบญจกุล  ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท. ) หัวข้อ “48 ปี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” โดยระบุว่าตลาดทุนนับเป็นกลไกสำคัญในระบบเศรษฐกิจ ในการรวบรวมและจัดสรรการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ เปิดโอกาสให้กิจการต่างๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ช่วยให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกในการออมการลงทุน และการสะสมความมั่งคั่ง ในช่วงเกือบห้าทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดทุนและตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีบทบาทในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ หลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 เป็นต้นมา โดยมีสัดส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ต่อ GDP เติบโตต่อเนื่อง และสูงถึง 121% ในปี2565 สะท้อนภาพรวมของพัฒนาการและความสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ต่อระบบเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น และได้เติบโตขึ้นในหลายๆ มิติ อาทิเช่น ขนาดของตลาดโดยรวม สภาพคล่องการซื้อขาย ปริมาณการระดมทุน การขยายฐานนักลงทุนที่หลากหลาย รวมทั้งความโดดเด่นและได้รับการยอมรับในเรื่องความยั่งยืน เป็นต้น 

ในปี 2565 ขนาดของตลาดหุ้นไทยซึ่งวัดโดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของ SET และ mai มีมูลค่าอยู่ที่ 20.93 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 19.22% (CAGR) นับตั้งแต่มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ SET Index มีการเคลื่อนไหวและพัฒนาไปตามสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศและอยู่ที่ 1668.66 ณ สิ้นปี 2565 โดยเติบโตเฉลี่ยปีละ 6.56% (CAGR) ทั้งนี้หากพิจารณาถึงผลตอบแทนรวมหรือ Total Return ของ SET Index นับตั้งแต่ปี 2545 ก็มีการเติบโตได้ปีละ 12.08% (CAGR) อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุดในอาเซียนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 โดยในปี2565 มีมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ย 76,773 ล้านบาทต่อวัน โดยเติบโตเฉลี่ยปีละ 23.30% (CAGR) 


จำนวนบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,848,429 บัญชี เพิ่มขึ้น 12.01% จากสิ้นปี 2564 และมูลค่าการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตของผู้ลงทุนบุคคลเฉลี่ยทั้งปี 2565 อยู่ที่ 78.08% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของผู้ลงทุนบุคคล สะท้อนภาพการพัฒนากระบวนการ Digitalization ในตลาดทุน และช่วยส่งเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ในปี 2565 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ รวมถึง DRx หรือ Fractional Depository Receipt อ้างอิงกับหลักทรัพย์ในตลาดต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสในการลงทุนที่ใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก ในการกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (Thai Digital Assets Exchange: TDX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการระดมทุนและซื้อขายโทเคนดิจิทัลทั้ง Investment Token และ Utility Token รวมทั้งได้มีการพัฒนาและส่งเสริมความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ซึ่งจะช่วยรองรับการเตรียมตัวเข้าสู่สังคมสูงวัย โดยคำนึงถึงเนื้อหาที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ในรูปแบบทั้งออนไลน์และออนไซต์ ผ่านแผนงานและโครงการต่างๆ 

ในด้านการระดมทุน มีมูลค่าการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง (IPO + SO) ปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าการระดมทุนรวมสูงถึง 1.58 ล้านล้านบาท โดยในปี 2565 ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีมููลค่าการเสนอขายหลักทรัพย์ IPO ที่ 127,836 ล้านบาท สูงที่สุดในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชียโดยมีบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมหรือธุรกิจใหม่ๆ (New Economy) ซึ่งได้ช่วยเสริมสร้างความหลากหลายให้กับตลาดทุน ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 810 บริษัท นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้บริการตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนของผู้ประกอบการ SMEs และStartups ซึ่งในปี 2565 ได้มีการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนไปแล้ว 3 บริษัท มูลค่าระดมทุนรวม 196 ล้านบาท


บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับการคัดเลือกเข้าไปในดัชนีด้านความยั่งยืนระดับสากลเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และได้รับคัดเลือกจำนวนสูงที่สุดในอาเซียนหลายปีซ้อน ปีที่ผ่านมาเริ่มเปิดตัวบริการ ESG Data Platform ของบริษัทจดทะเบียน เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศน์การลงทุนที่คำนึงถึงความยั่งยืน และปัจจัยด้าน ESG  คือ สิ่งแวดล้อม(Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ผ่านระบบจัดการข้อมูลด้านความยั่งยืน ให้ทุกภาคส่วนในตลาดทุนมีข้อมูลมาตรฐานนำไปต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งยกระดับประสิทธิภาพของตลาดทุนผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนไทย เช่นระบบ FINNET สำหรับการชำระเงินของตลาดทุน,  ระบบ SET Link เพื่อให้บริการบริษัทจดทะเบียนแบบ End-to-End Process ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลและงานด้านนายทะเบียน,  ระบบงาน Digital Platform เช่นFundConnext สำหรับการรับส่งข้อมูลการซื้อขายและชำระราคากองทุนรวม และ e-Services ต่างๆ และได้พัฒนาระบบซื้อขายใหม่ (New Trading System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบนิเวศการลงทุน และรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ  ที่ผ่านมาตลาดทุนไทยมักปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงและฟื้นตัวจากสถานการณ์ต่างๆได้ค่อนข้างดี ทั้งการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด และความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย ความยั่งยืนกับการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเมืองภายในและระหว่างประเทศ และภาวะสังคมผู้สูงอายุ เป็นต้น นำไปสู่การเตรียมตัว การจัดการกับโอกาส และความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจและตลาดทุนในระยะถัดไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง