ลุยปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั่วประเทศ

นนทบุรี 16 พ.ค.-กรมทรัพย์สินทางปัญญาบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานพันธมิตร เดินหน้าเชิงรุกปฏิบัติการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการค้าการลงทุน และปกป้องผู้บริโภคจากอันตรายที่เกิดจากการบริโภคสินค้าปลอม  


นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง โดยรณรงค์สร้างความตระหนักรู้แก่ผู้ประกอบการในการนำสินค้าที่ถูกต้องมาจำหน่าย พร้อมผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ลงพื้นที่ปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง ในแหล่งผลิตและจำหน่ายรายใหญ่ เพื่อตัดตอนและป้องกันการกระจายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาไปยังท้องตลาด

ทั้งนี้ ชุดปฏิบัติการพร้อมด้วยตัวแทนเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ บริษัท ซีเล็คทีฟ เทรดมาร์ค ยูเนี่ยน(ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท สัตยะพล แอนด์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด บริษัท อาร์.ดับบลิว.ที. อินเตอร์เนชั่นแนล ลอว์ ออฟฟิศจำกัด บริษัท เอสแอนด์โอ ไอพี จำกัด บริษัท อาร์ทิสต้า รีเสิร์ช จำกัด และ บริษัท เลกเซล ไอพี จำกัด ร่วมลงพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา กระบี่ ภูเก็ต ชลบุรี สุรินทร์ อุบลราชธานีอำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ นครราชสีมา นครปฐม พังงา ปทุมธานี นนทบุรี ศูนย์การค้าเอ็มบีเคเซ็นเตอร์ ย่านการค้าริมถนนสุขุมวิทระหว่างซอย3-19 สีลม พัฒน์พงศ์ ถนนข้าวสาร ประตูน้ำ ศูนย์การค้าแพลทินัมและสำเพ็ง เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าละเมิดฯ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจถึงประโยชน์ของทรัพย์สินทางปัญญา อันเป็นการส่งเสริมการค้าการลงทุนภายในประเทศ ตลอดจนปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากอันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภคสินค้าปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานอีกทางหนึ่งด้วย


อย่างไรก็ตาม ผลการปฏิบัติงานในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566 ชุดปฏิบัติการมีการปราบปรามและดำเนินคดีสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งสิ้น 119 คดี ของกลางจำนวน 570,825 ชิ้น โดยบทลงโทษของการจำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี ปรับสูงสุด 400,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี หรือปรับสูงสุด 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสผ่านทางเว็บไซต์ www.ipthailand.go.th หัวข้อบริการ “แจ้งเบาะแสการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” หรือโทรสายด่วน 1368 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย