“อาคม” ชี้สภา ADB มองเศรษฐกิจเอเชียปี 66 จะชะลอตัวลง

เกาหลี 4 พ.ค. – “อาคม” ชี้สภา ADB มองเศรษฐกิจเอเชียปี 66 จะชะลอตัวลง เหตุปัจจัยโลกกระทบต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยอมรับไทยใช้งบหลังโควิดไปมาก กระทบงบพัฒนาอาจลดลง เตรียมแผนขยายเพดานหนี้สาธารณะ 70%


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการที่ไทยร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่ 56 ได้หารือกับที่ประชุมถึงทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจในปี 2566 จะชะลอตัวช้าลงจากปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2.8% ปี 2567 จะเป็น 3% จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น ส่วนในเอเชียคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4.4-4.5%


สำหรับไทยอาจจะสวนทางกับกระแสโลก เพราะเศรษฐกิจไทยเป็นเช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียที่เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอยู่ประมาณ 3.6% ส่วนประเด็นที่อาเซียนและ ADB เห็นพ้องต้องกันคือ หลังโควิด-19 ทุกประเทศจะเผชิญกับปัญหาการใช้จ่ายเพื่อรักษาเยียวยา ช่วยเหลือประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีภาระมากขึ้นในเรื่องการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องหาหนทางร่วมกันที่จะเข้ามาช่วยประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นอกจากนั้นต้องเดินหน้าแก้เรื่องของความยากจนและความเหลื่อมล้ำ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นปัจจัยผลกระทบเพิ่มขึ้นคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาพลังงาน เศรษฐกิจที่ร้อนแรงและเงินเฟ้อที่สูงของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนนโยบายอัตราดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นความท้าทายของทั่วโลก รวมถึงเอเชียด้วย

สำหรับประเทศไทย การแก้ปัญหาเงินเฟ้อจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เพราะไทยปัญหาเงินเฟ้อเกิดจากราคาพลังงานที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเรื่องราคาน้ำมันดีเซล กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต ได้ลดภาษีน้ำมัน ทำให้ราคาสินค้าบริโภคอุปโภคชะลอตัวลง ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อของไทยขณะนี้อยู่ที่ 2.8 ในช่วงไตรมาสที่ 1 ถือว่าเป็นการช่วยภาครัฐ แต่อีกด้านจะเป็นต้นทุนของงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันแก้ปัญหาต่อไป


นายอาคม กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้พูดถึงเสถียรภาพของสถาบันการเงินที่มีผลจากธนาคารจากสหรัฐอเมริกาที่ปิดตัวลงไปหลายธนาคาร ซึ่งมีผลกระทบต่อในประเทศที่พัฒนาในเอเชีย ส่วนไทยไม่มีผลกระทบ เพราะไม่ได้มีธุรกรรมกับธนาคารที่ถูกปิดในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเคยประสบปัญหาวิกฤติทางการเงินมาก่อนในปี 2540 ยืนยันว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมาตรการคุมเข้มและมีเงินสำรอง ระดับหนี้เสียยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ จึงขอให้มั่นใจได้ว่าเสถียรภาพทางการเงินของไทยจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะการล้มละลายของการปิดสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกา รวมถึงยุโร มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบใดๆ กับไทยแน่นอน

นายอาคม กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายประเทศประสบปัญหางบประมาณ ไทยเองได้ใช้จ่ายงบประมาณไปจำนวนมาก ดังนั้น หลายประเทศต้องการความช่วยเหลือจากธนาคาร ADB ซึ่งไทยเองมีบางโครงการต้องกู้เพื่อผ่องถ่ายภาระงบประมาณแผ่นดินให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะเรื่องของการทำ PPP ในโครงการต่างๆ

นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ออกพันธบัตรหรือมีการกู้เงินภายในประเทศ ในอนาคตจะมีการกู้ต่างประเทศเพื่อดูในเรื่องอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งจะใช้วิธีออกพันธบัตร ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน หรือธนาคารพัฒนาเอเชีย ก็มีการพูดถึงเรื่องของการออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินทุนในการพัฒนาโครงการสีเขียว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ประเทศต่างๆ จะขาดเงินทุน จึงเป็นประเด็นที่จะมีทางเลือกในการหาแหล่งเงินอย่างไร

ส่วนอีกเรื่องในที่ประชุมให้ความสำคัญคือ การเปิดให้มีการโอนเงินข้ามแดน หรือเรียกว่า cross border payments ที่ต้องการให้เกิดการจ่ายโอนเงินข้ามแดน ซึ่งไทยได้ทำกับสิงคโปร์ เรื่องพร้อมเพย์กับเพย์นาว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาให้ใช้ได้ในกลุ่มประเทศอาเซียน และโอนเงินระหว่างสถาบันการเงินกับบุคคลธรรมดา ซึ่งจะมีการพัฒนาในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเชื่อมโยงข้อมูลของธนาคารแต่ละประเทศ และหามาตราการรองรับเรื่องของไซเบอร์ ซีคิวริตี้ คาดว่าน่าจะ 3 ปี น่าจะสามารถทำให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น

นายอาคม ยังกล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งว่า ที่ผ่านมาใช้งบประมาณไปมาก ดังนั้น เงินพัฒนาจะลดน้อยลงไป แต่จะสามารถเจรจากับสถาบันการเงินต่างๆ โดยเฉพาะธนาคารพัฒนาเอเชีย ที่จะเข้ามาช่วย

สิ่งที่ต้องการคือให้มีพื้นที่ทางการคลังมากขึ้น เพื่อรองรับการพัฒนา การแก้ปัญหาวิกฤติและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น ของกระทรวงการคลังได้สร้างกรอบความยั่งยืนเอาไว้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องวิกฤติใดๆ จะมีพื้นที่ทางการคลัง ซึ่งรัฐบาลสามารถใช้ประโยชน์งบประมาณในกรณีฉุกเฉินหรือกรณีที่มีความจำเป็นของการพัฒนา นั่นคือการขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไป 70% จากเดิม 60% แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องใช้ทั้งหมดใช้เท่าที่จำเป็น ดังนั้น ในแง่ของนโยบายการคลังต้องเพิ่มพื้นที่รองรับวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

หากประเมินในเวลานี้ในเศรษฐกิจปีนี้การท่องเที่ยวดีเกินคาด การส่งออกได้รับผลกระทบบ้าง สำหรับการบริโภคภายในประเทศหลังผ่านพ้นโควิด-19 คนเข้าสู่ระบบการทำงานมากขึ้น จึงเชื่อว่าในปี 2566 ไม่ว่าก่อนหรือหลังเลือกตั้ง สิ่งที่จำเป็นต้องทำคือความต่อเนื่องของการพัฒนา

เช่นเดียวกับที่ ADB ได้ชี้ว่าจะเป็นปีที่เศรษฐกิจของเอเชียฟื้นตัวใน 3 ประเด็นคือ 1.ทำให้เศรษฐกิจเราเติบโตบนพื้นฐานที่แท้จริง ซึ่งเราต้องใช้ประโยชน์การท่องเที่ยว วางพื้นฐานเรื่องการพัฒนากลุ่ม EEC ให้เกิดการลงทุนในภาคเอกชน

2.การเชื่อมต่อ เนื่องจากช่วงโควิด-19 ขาดการเชื่อมต่อ ประชาชนถูกห้ามออกนอกประเทศ การทำธุรกรรม ขนส่งชะงัก ดังนั้น จะต้อง re-connect การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

3.การปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ที่ให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนา ประเทศที่ยากจน ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงเศรษฐกิจ BCG การสร้างอาชีพ สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเกษตร ลดภาระของรัฐบาลด้านการเกษตร ด้วยการประกันภัยพืชผล ประกันรายได้ ซึ่งได้เริ่มทำในธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ทั้ง ธ.ก.ส. และเอ็กซิมแบงก์ ซึ่งได้ให้เอ็กซิมแบงก์นำพาผู้ประกอบการได้ออกนอกประเทศ เพื่อไปลงทุนต่างประเทศ

นายอาคม มองว่าภารกิจของเอ็กซิมแบงก์พาคนไทยออกนอกประเทศเพื่อหารายได้เข้าประเทศ ซึ่งมีหลายโครงการที่ภาคเอกชนไทยสนใจลงทุน เพื่อนำเงินเงินกลับเข้าในประเทศ เพราะในบางช่วงเมื่อค่าเงินบาทแข็งเราต้องการให้เงินลงทุนไหลออกเพื่อให้เกิดเงินบาทอ่อนตัวลง ที่ผ่านมาเอ็กซิมแบงก์จะเข้าไปลงทุนเรื่องของพลังงานสะอาดในต่างประเทศ ทั้งในเวียดนาม ญี่ปุ่น ซึ่งการมาเกาหลีครั้งนี้เพื่อมาสำรวจและติดต่อ เพื่อส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างไทยกับเกาหลีในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” บินสิงคโปร์แล้ว ทนายยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น14

4 ก.ย.- “ทักษิณ” นั่งเจ็ทส่วนตัวบินสิงคโปร์แล้ว ตม.ไม่มีอำนาจกักตัว หลังศาลยกฟ้องคดี ม.112 ขณะที่ “ทนายวิญญัติ” ยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น 14 แน่นอน ช่วงเย็นวันนี้มีกระเเสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร ขอเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่จอดไว้กับลานบินเอกชนย่านดอนเมือง เเละทราบว่าขอเดินทางไปยัง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายทักษิณมีบ้านพักส่วนตัวที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอีกกระเเสเเจ้งว่านายทักษิณขอเดินทางไปพบเเพทย์ที่สิงคโปร์ 2 วัน เเละจะกลับมาขึ้นศาล โดย ตม.ตรวจสอบหนังสือเดินทางเเละสอบถามเหตุผลในการเดินทางของนายทักษิณในตอนนี้เเล้วเเละอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางได้ กระเเสข่าวนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางการเตรียมลงมติของสส.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 วันที่ 5 กันยายน 2568 เเละวันที่ 9 กันยายน นายทักษิณต้องไปฟังคำตัดสินคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งศาลฎีกาแผนคดีอาญานักการเมืองนัดให้นายทักษิณ ไปฟังคำวินิจฉัยในคดีนี้กับผู้บังคับการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังก่อนหน้านี้ศาลอาญา ตัดสินยกฟ้องนายทักษิณในคดี ม.112 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เเละอยู่ระหว่างที่อัยการกำลังพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ หลังจากนั้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี […]

“อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกไหว้พ่อแม่ก่อนโหวตนายกฯ

รัฐสภา 4 ก.ย.- “อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกยังไม่มี เผยตั้งใจไหว้พ่อ-แม่ เป็นสิริมงคลก่อนโหวตนายกฯ คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางกลับเข้ามาที่อาคารรัฐสภาอีกครั้ง ช่วงเย็นวันนี้ (4 ก.ย.) โดยผู้สื่อข่าวพยามสอบถามถึงโผ “ครม.อนุทิน 1” ว่า มีการจัดเตรียมให้ใครนั่งตำแหน่งใดและนายอนุทิน จะควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งนายอนุทิน ร้องหูย ก่อนจะบอกว่ายังไม่มี ข่าวก็ลงไปเรื่อย ยังไม่ได้จัดอะไร ขนาดหัวหน้ายังไม่ได้เลย ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พรุ่งนี้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีแล้ว ก่อนจะเข้าอาคารรัฐสภา จะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไหว้พ่อไหว้แม่นี่แหละ เป็นสิริมงคลที่สุดแล้ว -สำนักข่าวไทย

“เท้ง” เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย มั่นใจ สส.ปชน.ไม่แตกแถว ย้ำไม่มีฟรีโหวต

รัฐสภา 4 ก.ย.- “เท้ง” ลั่นไม่เสียดาย-ไม่ทบทวนมติโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย ซัดไม่จริงใจ-ปล่อยข่าวชิงการเมือง มั่นใจ สส.พรรคประชาชน ไม่แตกแถว-ไม่มีฟรีโหวต นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวความเห็นต่างภายในพรรคฯ ต่อการลงมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) ว่า ไม่ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันภายในพรรค และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนถึงตลอดทั้งวัน ก็มีความชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ยุติกระบวนการยุบสภา และเดินหน้าเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า กระบวนการตัดสินใจของพรรคประชาชน สิ้นสุดลงตั้งแต่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ แถลงข่าว และลงนามร่วมกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ส่วนข้อเสนอไพ่ใบสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ที่จะยุบสภาทันทีหากนายชัยเกษม ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า ถ้ามีการเสนอมาก่อนหน้านี้ และมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ ก่อนพรรคฯ จะมีมติ ตนเชื่อว่า ตน และสส.ภายในพรรค จะรับไว้พิจารณา แต่กระบวนการที่ผ่านมา ยังคงมีการให้ข่าวกลับไป กลับมา […]

“ชัยเกษม” แถลงให้คำมั่นหากเป็นนายกฯ ยุบสภาทันที

นนทบุรี 4 ก.ย.- “ชัยเกษม” แถลงยืนยันตอบรับข้อเสนอทุกข้อของพรรคประชาชน หากได้รับเลือกนั่งนายกฯ พร้อมยุบสภาทันที โดยไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือน นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลงการณ์จากบ้านพักส่วนตัว โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ หัวหน้าพรรคประชาชาติ โดยนายชัยเกษม กล่าวว่า สวัสดีครับพี่น้องประชาชนและท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เคารพ กระผมนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยตอบรับข้อเสนอทุกข้อของพรรคประชาชน และหากผมได้รับการลงคะแนนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะยุบสภาทันที โดยไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือน เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป กระผมขอยืนยันอีกครั้งว่า นี่คือสัญญาที่ทำไว้ต่อพี่น้องประชาชน และท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคน ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล จะปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ โดยไม่มีข้อเปลี่ยนแปลง ไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ .-316 -สำนักข่าวไทย