กรุงเทพฯ 2 พ.ค.-กระทรวงอุตฯ เผย 2 ไตรมาสแรก ปี66 อุตสาหกรรมผลิตพลาสติกชีวภาพจากเคมีภัณฑ์ และยานยนต์ไฟฟ้า เติบโตสูงสุด สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการใช้พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และมาตรการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้าน EV เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ยอดการลงทุนรวมในประเทศสูงถึง 112,658.60 ล้านบาท
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพเกิดการลงทุนกว่า 19,000 ล้านบาท ตั้งแต่ไตรมาสแรกของนี้ และมาตรการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่งผลให้การประกอบกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้ามียอดการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 1,400 ล้านบาท ส่งผลให้ 2 ไตรมาส มียอดการลงทุนรวมในประเทศสูงถึง 112,658.60 ล้านบาท โดยเป็นการตั้งโรงงานใหม่และขยายกิจการโรงงาน จำนวน 1,211 โรงงาน และเกิดการจ้างงานใหม่30,603 คน
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า 2 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565 – มี.ค. 2566) มีการตั้งโรงงานใหม่ จำนวน 1,016 โรงงาน ยอดการลงทุน 89,427.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 29,000 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนใหม่สูงสุด คือ กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี มูลค่าการลงทุน 22,635.75 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 25.31% รองลงมา ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติก มูลค่าการลงทุน 9,259.12 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 10.35%
สำหรับการขยายกิจการโรงงานมีจำนวน 195 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 23,231.33 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนขยายกิจการสูงสุด คือ กลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ มีมูลค่าการลงทุน 10,192.68 ล้านบาทคิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 43.87% รองลงมา คือ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร มีมูลค่าการลงทุน 1,930.56 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 8.31%
พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การตั้งโรงงานใหม่และการขยายกิจการโรงงาน มีมูลค่าการลงทุนรวม 29,760.21 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 26.42% ของมูลค่าการลงทุนรวมทั่วประเทศ โดยกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด 10,403.39 ล้านบาท และ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) การตั้งโรงงานใหม่และการขยายกิจการโรงงาน มีมูลค่าการลงทุน 37,621.13 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน33.39% ของมูลค่าการลงทุนรวมทั่วประเทศ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด14,363.55 ล้านบาท
สำหรับไตรมาสที่ 3 และ 4 คาดว่าการลงทุนจะไม่ต่ำกว่า 1.8 แสนล้านบาท จากผลของนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน คาดว่าดัชนีสถานการณ์การผลิตไทย (Thailand Manufacturing PMI) จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นรวมถึงการเร่งรัดการลงทุนของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2563-2565 ที่ผ่านมา อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าว.-สำนักข่าวไทย