พาณิชย์เตรียมมาตรการรองรับปริมาณผลไม้ออกสู่ตลาดไว้แล้ว

นนทบุรี 29 เม.ย.-รัฐมนตรีพาณิชย์ เผยเตรียมแผนรองรับปริมาณผลไม้ออกสู่ตลาดไว้แล้ว มั่นใจปีนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ขายผลไม้ได้ราคาดี เร่งแก้ไขด่านขนส่งทางบกเพื่อส่งออกผลไม้ไทยไปตลาดจีนผ่อนคลายระเบียบหลังสถานการณ์โควิดเบาบางลง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวถึงสถานการณ์ราคาผลไม้ในช่วงนี้ โดยผลไม้ปีนี้จะเริ่มออกมากในช่วงเดือน เม.ย.-ส.ค.ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้านโยบายเชิงรุกและเชิงลึกต่อเนื่อง ทำให้ผลไม้ราคาดีขึ้นและปีนี้จะดีมากอีกปีหนึ่ง ถือว่าเป็นปีทองของเกษตรกรชาวสวนผลไม้


อย่างไรก็ตาม โดยปีนี้ราคาจะดีมาก มาจากการที่กระทรวงพาณิชย์เคาะมาตรการล่วงหน้า ตั้งแต่ผลไม้ยังไม่ออกใน 22 มาตรการ ช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา และตลาดจีนที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทยที่ผ่านมามีปัญหาติดขัดที่ด่านขนส่งทางบก โดยเฉพาะด่านโหย่วอี้กวนจากนครพนมไปลาว เวียดนามเข้าจีน กับเส้นทางที่ 2 คือ เชียงรายไปเชียงของและไปด่านโม่ฮาน ของจีนผ่านลาว 2 ด่านนี้มีปัญหาติดขัดโดยเฉพาะในช่วงโควิด แต่ขณะนี้ทุกอย่างคล่องตัวขึ้น ซึ่งฝ่ายบริหารของกระทรวงพาณิชย์ได้มีการเจรจาผู้รับผิดชอบด่านทั้งสองด่านโดยตรงและทราบว่าขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีการผ่อนปรมระเบียบต่างๆให้น้อยลงแล้ว ซึ่งจะช่วยให้การส่งผลไม้ไปตลาดจีนที่ใหญ่สุดทางบกคล่องตัวขึ้นในปีนี้

ส่วนราคาผลไม้นี้ปีนี้เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ เช่น 1.ทุเรียนหมอนทอง ช่วงราคาอ่อนตัวในปี 64 เพราะเจอโควิดด่านปิด กิโลกรัมละประมาณ 117 บาท ปีนี้คาดว่าราคาจะไปถึง 150 บาท/กก. 2.มังคุดผิวมัน ช่วงราคาลง กิโลกรัมละ 61 บาท ตอนนี้ 110 บาท/กก. มะม่วงฟ้าลั่น ช่วงราคาตกมาก กิโลกรัมละ 5-6 บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ 9 บาท มะม่วงน้ำดอกไม้เกรดคละ ช่วงราคาตกเหลือกิโลกรัมละ 13 บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ 25 บาท เงาะโรงเรียน ตอนราคาไม่ค่อยดีกิโลกรัมละ 24 บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ 35 บาท สับปะรดภูแล ตอนราคาไม่ค่อยดีกิโลกรัมละ 3.75 บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ 8-12 บาท ส้มเขียวหวาน ช่วงราคาตกกิโลกรัมละ 20 บาท ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 25 บาท


อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูแลเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ไม่ทิ้ง ช่วยทำตลาดในประเทศด้วยการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและเปิดช่องทางการขายในประเทศผ่านห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่มีจุดขายสาขาทั่วประเทศเพิ่มการบริโภคในประเทศ รวมทั้งการส่งออกที่จะดีขึ้นเป็นลำดับ ปีนี้ราคาผลไม้จะเป็นปีทองที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อีกปีหนึ่งแน่นอน และถ้ามีปัญหาจะเร่งเข้าไปช่วยแก้ให้ทันท่วงที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”