ยอดคนโดยสารผ่านระบบราง 5 วัน 4.7 ล้านคน-เที่ยว

กรุงเทพฯ 16 เม.ย.66.-กรมการขนส่งทางราง เผยประชาชนเดินทางด้วยระบบรางช่วงวันหยุดสงกรานต์ ปี66 สะสม 5 วัน รวม 4.7 ล้านคน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 2.15% ขณะเมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) มีผู้ใช้บริการระบบรางรวม 8.4 แสนคน-เที่ยว ไม่มีเหตุรถไฟฟ้าขัดข้อง เตรียมพร้อมรองรับการเดินทางเที่ยวกลับกรุงเทพฯ

ดร.พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ระหว่าง 11 – 17 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา 5 วันคือ วันที่ 11 – 15 เมษายน 2566 มีประชาชนใช้บริการระบบรางรวม 4,738,213 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 104,322 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 2.15 (ประมาณการ 5 วัน 4,842,535 คน-เที่ยว แบ่งเป็นรถไฟ 408,163 คน-เที่ยวและรถไฟฟ้า 4,434,372 คน-เที่ยว) ประกอบด้วย รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีผู้ใช้บริการรวม 345,691 คน-เที่ยว แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 151,734 คน-เที่ยว และผู้โดยสารเชิงสังคม 193,957 คน-เที่ยว โดยมีผู้โดยสารขาออกสะสม 183,172 คน-เที่ยว และขาเข้า 162,519 คน-เที่ยว ซึ่งพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 112,230 คน-เที่ยว (ขาออก 57,805 คน-เที่ยว และขาเข้า 54,425 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือ 94,501 คน-เที่ยว (ขาออก 51,519 คน-เที่ยว และขาเข้า 42,982 คน-เที่ยว) สายเหนือ 66,819 คน-เที่ยว (ขาออก 36,589 คน-เที่ยว ขาเข้า 30,230 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 43,604 คน-เที่ยว (ขาออก 22,639 คน-เที่ยว ขาเข้า 20,965 คน-เที่ยว) และสายมหาชัย/แม่กลอง 28,537 คน-เที่ยว (ขาออก 14,620 คน-เที่ยว ขาเข้า 13,917 คน-เที่ยว) และระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (รวมรถไฟฟ้าชานเมือง(สายสีแดง)) สะสม 5 วัน มีผู้ใช้บริการแล้ว 4,392,522 คน-เที่ยว ประกอบด้วย Airport Rail Link 241,383 คน-เที่ยว สายสีแดง 74,264 คน-เที่ยว สายฉลองรัชธรรม(สีม่วง) 124,283 คน-เที่ยว สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 1,178,494 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าบีทีเอส (สีเขียวและสีทอง) 2,774,098 คน-เที่ยว


ทั้งนี้ พบว่า เมื่อวาน (วันที่ 15 เมษายน 2566) ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2566 มีประชาชนมาใช้บริการระบบราง รวมจำนวน 848,823 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากวันที่ 14 เมษายน 2566 จำนวน 41,450 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.13 และสูงกว่าประมาณการ 102,339 คน-เที่ยว (ประมาณการวันที่ 15 เมษายน 2566 จำนวน 746,484 คน-เที่ยว) หรือสูงกว่าประมาณการร้อยละ 13.71 แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 61,849 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) จำนวน 786,974 คน-เที่ยว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  1. รถไฟระหว่างเมืองของ รฟท. ให้บริการรวม 219 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 61,849 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 19,173 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 23.66 (ประมาณการ 81,022 คน-เที่ยว) แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 28,400 คน-เที่ยว และเชิงสังคม 33,449 คน-เที่ยว โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 27,404 คน-เที่ยว และผู้โดยสารขาเข้า 34,445 คน-เที่ยว โดยพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 19,730 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 9,501 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 10,229 คน-เที่ยว) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ใช้บริการ 17,256 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 6,489 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 10,767 คน-เที่ยว) สายเหนือ 11,843 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 5,264 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 6,579 คน-เที่ยว) สายตะวันออก 7,087 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 3,117 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 3,970 คน-เที่ยว) และสายแม่กลองและมหาชัย 5,933 คน-เที่ยว (ผู้โดยสารขาออก 3,033 คน-เที่ยว ผู้โดยสารขาเข้า 2,900 คน-เที่ยว)
  2. ระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้ารวม 2,104 เที่ยว มีผู้ใช้บริการรวมจำนวน 786,974 คน-เที่ยว สูงกว่าประมาณการ –121,512 คน-เที่ยว หรือสูงกว่าประมาณการร้อยละ 18.26 (ประมาณการ 665,462 คน-เที่ยว) ประกอบด้วย รถไฟฟ้า Airport Rail Link ให้บริการ 174 เที่ยว จำนวน 44,180 คน-เที่ยว รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ให้บริการ 230 เที่ยว จำนวน 12,368 คน-เที่ยว (รวมผู้โดยสารรถไฟทางไกลต่อสายสีแดงฟรี 6 คน) รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) 216 เที่ยว จำนวน 17,195 คน-เที่ยว รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 250 เที่ยว จำนวน 184,666 คน-เที่ยว และรถไฟฟ้าบีทีเอส (สีเขียวและสีทอง) ให้บริการรวม 1,234 เที่ยว มีผู้ใช้บริการจำนวน 528,565 คน- เที่ยว (สายสีเขียว 518,027 คน-เที่ยว และสายสีทอง 10,538 คน-เที่ยว)

สำหรับด้านความปลอดภัย ไม่มีเหตุระบบรถไฟฟ้าขัดข้อง แต่มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟรวมจำนวน 1 ครั้ง โดยรถไฟขบวน 4385 (บ้านแหลม-แม่กลอง) เฉี่ยวชนรถยนต์กระบะ ทะเบียน บฉ 316 สมุทรสงคราม ที่จอดล้ำเข้ามาในเขตทางรถไฟ บริเวณเสาโทรเลขที่ 4/5-6 ซึ่งเป็นทางลักผ่านเข้าบ่อกุ้ง ถนนลูกรัง ระหว่างป้ายหยุดรถบ้านชีผ้าขาว – ป้ายหยุดรถคลองนกเล็ก ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายจากเหตุนี้


ทั้งนี้ คาดว่าวันที่ 16-17 เมษายน2566 จะมีผู้ใช้บริการหนาแน่น กรมการขนส่งทางรางได้เตรียมพร้อมรองรับประชาชนเที่ยวกลับต่างจังหวัดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 โดยด้านการอำนวยความสะดวก ได้ประสาน รฟท. พ่วงตู้เพิ่มไปกับเส้นทางที่มีผู้โดยสารหนาแน่น รวมทั้งจัดขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร จำนวน 5 ขบวน ประกอบด้วย วันที่ 16 เม.ย.66 จำนวน 2 ขบวน (ขบวน 6 เชียงใหม่-กรุงเทพอภิวัฒน์ และขบวน 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์) และวันที่ 17 เม.ย.66 จำนวน 3 ขบวน (ขบวน 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวน 962 ศิลาอาสน์-กรุงเทพอภิวัฒน์ และขบวน 936 อุดรธานี-กรุงเทพอภิวัฒน์) และรฟท. จัดเตรียมรถเข็นให้บริการที่บริเวณชานชาลาขาเข้าและชั้นล่างของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อรองรับประชาชนที่มีสัมภาระจำนวนมาก/น้ำหนักมากด้วย พร้อมทั้งจัดรถ shuttle busให้บริการฟรีระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์-สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) และประสานผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้า พิจารณาเพิ่มความถี่ในช่วงเย็นของวันที่ 16-17 เม.ย.66 และช่วงเช้าของวันที่ 17-18 เม.ย.66 เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน

ส่วนด้านความปลอดภัย ยังคงขอความร่วมมือจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเจ้าหน้าที่อาสาสมัครช่วยกันดูแลประจำจุดตัดทางลักผ่าน/จุดตัดที่ไม่มีครื่องกั้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนนเสมอระดับ กำชับผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการด้านการเดินรถไฟ/รถไฟฟ้าต้องไม่มีแอลกอฮอล์ และปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับในการเดินรถ รวมถึงจัดตำรวจรถไฟ /เจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและกู้ภัย รฟม./สุนัข K-9 กระจายกำลังบนขบวนรถไฟ/รถไฟฟ้า และที่สถานี นอกจากนี้ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ทีการประสานงานกับฝ่ายความมั่นคงเพื่อบูรณาการในการทำงานร่วมกัน เพื่อดูแลความปลอดภัยและชีวิตแก่ผู้ใช้บริการระบบราง ทั้งนี้ ที่ผ่านมา 5วันจนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบรางได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]

ชวนร่วมมหกรรม “ซอฟต์พาวเวอร์” ฟังวิสัยทัศน์จาก 3 นายกฯ

ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.ค.-รัฐบาลเชิญร่วมงานมหกรรม Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่าง 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์ 3 นายกรัฐมนตรีไทย แลกเปลี่ยนมุมมองและแบ่งปันประสบการณ์สร้าง “มูลค่าทางวัฒนธรรม” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลบูรณาการความร่วมมือยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม จัดงาน Soft Power ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. Hall 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาและอนุกรรมการทุกสาขา โดยประสานพลังภาครัฐ เอกชน ชุมชน […]

เร่งแกะรอยมือยิงตำรวจ สภ.กรงปินัง เสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ

ยะลา 6 ก.ค.- ผกก.สภ.กรงปินัง สั่งเร่งแกะรอยมือยิงตำรวจเสียชีวิตหน้าร้านสะดวกซื้อ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจความปลอดภัย เบื้องต้นคาดเป็นกลุ่มคนร้ายที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ เพื่อสร้างสถานการณ์ เมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 19.40 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งว่ามีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ก่อเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรงปินัง ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้กับบริเวณสามแยกทางเข้าที่ว่าการอำเภอกรงปินัง หมู่ที่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เบื้องต้นมีตำรวจรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย ทราบชื่อ ส.ต.ท.ธัญเทพ สิกขาจารย์ ผบ.หมู่ (ป) ปฏิบัติหน้า จราจร สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดและชนิด บริเวณศีรษะ 1 นัด อาการสาหัส ก่อนเสียชีวิต ขณะนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลกรงปินัง จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 2 นาย เข้าไปตรวจตราดูแลความสงบเรียบร้อยภายในร้านสะดวกซื้อตามปกติ หลังจากปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้น เมื่อเดินออกจากร้าน ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนคาดว่าอยู่ตรงข้ามจุดเกิดเหตุได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดซุ่มยิง จำนวน 1 […]

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย