ทำฐานข้อมูลสินค้าส่งออกโดยคนไทยมีสินค้าดาวรุ่งหลายรายการ

นนทบุรี 10 เม.ย.-สนค.เผยข้อมูลการส่งออกรายสินค้าที่ส่งออกโดยธุรกิจของคนไทยอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถนำไปใช้กำหนดนโยบายส่งเสริมการค้าให้แก่ธุรกิจของคนไทยได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งวิเคราะห์สินค้าดาวรุ่งของไทยในปี 2565 ที่เติบโตได้ดีต่อเนื่องตลอดปี ท่ามกลางวิกฤตมากมาย ตั้งแต่ความไม่สงบในยูเครนในช่วงต้นปี จนถึงปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากปัญหาเงินเฟ้อสูง และการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกในช่วงกลางถึงท้ายปี


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ใช้ฐานข้อมูลที่สำนักงานฯ ได้พัฒนาขึ้น เพื่อศึกษาและจัดทำข้อมูลการส่งออกรายสินค้าที่ส่งออกโดยธุรกิจของคนไทยอย่างแท้จริง พบว่า ธุรกิจที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ 100% สร้างมูลค่าส่งออกให้แก่ประเทศในปี 2565 เป็นจำนวน73,603.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 25.6% ของมูลค่าส่งออกรวม มีผู้ส่งออกทั้งสิ้น 15,337 ราย โดยเป็นผู้ส่งออกที่ดำเนินธุรกิจในภาคการผลิต จำนวน 5,342 ราย มีมูลค่าส่งออก 37,029.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ส่งออกที่ดำเนินธุรกิจในภาคบริการ จำนวน 9,994 ราย มีมูลค่าส่งออก 34,834.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และผู้ส่งออกที่ไม่สามารถระบุประเภทธุรกิจได้ จำนวน 1 ราย มีมูลค่าส่งออก 1,738.8 ล้านเหรียญสหรัฐ  

ทั้งนี้ ธุรกิจของคนไทยในภาคการผลิตที่สร้างมูลค่าส่งออกมากเป็น 5 อันดับแรก คือ ธุรกิจผลิตโลหะมีค่า เช่น ทองคำธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น ธุรกิจผลิตสตาร์ชมันสำปะหลัง ธุรกิจผลิตยางแผ่นและยางแท่ง และธุรกิจผลิตส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ตามลำดับ ขณะที่ธุรกิจของคนไทยในภาคบริการที่สร้างมูลค่าส่งออกมากเป็น5 อันดับแรก คือ ธุรกิจขายส่งนาฬิกาและเครื่องประดับ ธุรกิจขายส่งข้าวและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการสีข้าว ธุรกิจกิจกรรมของตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าและตัวแทนออกของ (ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร) ธุรกิจขายส่งเชื้อเพลิงเหลว และธุรกิจขายส่งผักและผลไม้ ตามลำดับ


นอกจากนี้ ฐานข้อมูลดังกล่าวพบสินค้าส่งออกดาวรุ่งประจำปี 2565 จำนวน 13 รายการที่มีอัตราขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องทุกเดือน แม้ว่าจะเกิดวิกฤตต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ความไม่สงบในยูเครนในช่วงต้นปี จนถึงปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในช่วงกลางถึงท้ายปี ได้แก่ (1) โทรศัพท์และอุปกรณ์ (2) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ (3) เครื่องประดับแท้ (4) ทองแดงและของทำด้วยทองแดงอื่น ๆ (5) เครื่องใช้สำหรับเดินทาง (6) สีทาและวาร์นิช และวัตถุตกแต่งสีอื่น ๆ (7) ผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ทางเภสัชกรรม (8) ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถปิกอัพ รถบัส (9) เนื้อและส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้ (10) วิสกี้ (11) อัญมณีสังเคราะห์ (12) ถุงมือหนัง เครื่องแต่งกายและเข็มขัด และ (13) หัวน้ำหอมและน้ำหอม ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดข้างต้นได้ในรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำปี 2565 ที่เว็บไซต์ สนค. (http://www.tpso.moc.go.th/th/node/12278) โดยข้อมูลเหล่านี้จัดทำเพื่อให้เอกชนไทยทราบข้อมูลการส่งออกไทยในมิติใหม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของภาคเอกชนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.โต้กัมพูชาอ้างขุดพบ MK-84 ชี้ระเบิดเก่าขึ้นสนิม ยันไม่ใช่ของไทย

31 ก.ค.- โฆษกกองทัพอากาศ ยันระเบิดที่ถูกขุดพบจากกัมพูชา ไม่ใช่ของกองทัพอากาศที่ปฏิบัติกับฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชา ตั้งข้อสังเกตเก่า เหมือนถูกขุดจากใต้ที่พักอาศัย จากกรณีที่พบระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาขุดขึ้น ตามที่เฟซบุ๊กของนายแฮง รัตนา เอาภาพมาลงนั้น พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ระบุกว่า ได้มีข้อสังเกตว่า ระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพเก่าและมีลักษณะคล้ายถูกขุดขึ้นมาจากใต้ที่พักอาศัยของประชาชน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากปฏิบัติการทางอากาศในช่วงที่ผ่านมา ดูจากสภาพที่ขึ้นสนิมไม่ใช่ของกองทัพอากาศไทย เนื่องจากลูกระเบิดที่กองทัพอากาศใช้มีสภาพใหม่และสมบูรณ์ ไม่เป็นสนิมขนาดนั้น ดูจากเส้นรอบวงโดยประมาณและความยาวคาดว่าเป็นลูกระเบิดอากาศขนาด 2000 ปอนด์ แบบตะวันตกที่มีใช้ทั่วไปสภาพความลึก และวางขนานกับพื้น ไม่เหมือนทิ้งจากเครื่องบิน .-313 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปากตระกูลฮุน

กระทรวงมหาดไทย 31 ก.ค.- “ภูมิธรรม” เสียใจผู้อพยพจบชีวิตเหตุเครียดอยากกลับบ้าน ขอประเมินให้ปลอดภัยก่อน บอกไทยประสบความสำเร็จยึดดินแดนได้ ปัดตอบเสียปราสาทตาควาย ไม่เชื่อลมปาก 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ชี้ ทหารกัมพูชา 18 นาย รุกล้ำเข้าไทยหลังประกาศหยุดยิง เตรียมส่งตัวคืน แต่อีกฝ่ายปล่อยเฟกนิวส์ จึงต้องคุมตัวสอบก่อน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพสามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้วหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้พบว่ามีประชาชนฆ่าตัวตาย เพราะเครียดต่อสถานการณ์และอยากกลับบ้าน ว่าตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต พร้อมยอมรับว่าเป็นความห่วงใยของรัฐบาล แม้ว่าจะอยากให้เดินทางกลับบ้านพักเลยแต่สถานการณ์ยังไม่มั่นใจ 100 % เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่กัมพูชาพูดสามารถเชื่อได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามักบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งต้องรอการประเมินอีกครั้งหนึ่งก่อนว่าหากไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็สามารถเดินทางกลับบ้านพักได้ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการที่กัมพูชาพาผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ เป็นเพราะเขาเป็นผู้ก่อเหตุจึงมั่นใจว่าเราจะไม่ทำอะไร และเราเองก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มั่นใจว่ากัมพูชาจะกระทำอย่างไร ส่วนไทยจะใช้มาตรการเชิงรุกทั้งด้านการทูตและด้านพื้นที่อย่างไร นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้เราไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา การดำเนินการต่างๆเราก็คุยกับนานาชาติอยู่เสมอ แต่ข้อสำคัญอยู่ที่หลักฐานเพราะเขาพูดไปได้เรื่อยๆ แต่เราพูดมีหลักฐานรองรับ ขณะที่ข้อเท็จจริงเรื่องปราสาทตาควายที่มีการพูดกันว่าทางกัมพูชาเข้าครอบครองตัวปราสาท แต่เราได้ครอบครองเพียงพื้นที่โดยรอบ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากพูดถึงในแง่การยุทธ์ การยึดคืนในพื้นที่ต่างๆ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แล้วพื้นที่ตัวปราสาทเป็นเช่นไร […]

กต.นำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่จุดปะทะชายแดนพรุ่งนี้

31 ก.ค. – โฆษก กต. เตรียมนำผู้ช่วยทูตทหาร ลงพื้นที่จุดปะทะ พรุ่งนี้ (1 ส.ค.68) ขณะที่ ผบ.ทสส.มาเลเซีย พบแม่ทัพภาคที่ 1 และ 2 เพื่อรับฟังสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงว่าที่ทูตสหรัฐประจำประเทศไทยคนใหม่ เตือนไทยทำสงครามกับเพื่อนบ้านจะเป็นอันตรายต่อความเป็นพันธมิตรไทย-สหรัฐ ตรวจสอบแล้วว่ามีการพูดจริง แต่เป็นการพูดในการพิจารณารับรองของกับวุฒิสภาสหรัฐ กัมพูชาเอาไปปั่นกระแส เสมือนว่าพูดโจมตีประเทศไทย ส่วนกรณีกัมพูชาเชิญผู้แทนทางทูตและผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารจาก 13 ประเทศ ลงพื้นที่จุดผ่อนปรน เรื่องนี้ไทยไม่กังวล แต่กัมพูชาควรกังวลมากว่า เพราะเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เพราะฉะนั้นถ้าทูตสำรวจละเอียดจริง ก็คงเห็นข้อเท็จจริง และขณะนี้กระทรวงกลาโหมของไทยกำลังประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจะนำผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชนลงพื้นที่ในส่วนของไทยเหมือนกัน โดยคาดว่าจะเป็นวันศุกร์นี้ (1 ส.ค.) จะได้เห็นสถานที่ เห็นข้อเท็จจริง และเห็นพื้นที่ที่เกี่ยวกับการทำร้ายประชาชน ผบ.ทสส.มาเลเซีย พบแม่ทัพภาพ 1-2 รับทราบข้อเท็จจริง ด้าน พลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย […]

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย