ยอดส่งออกเดือน ก.พ.66ยังคงติดลบต่อเนื่อง

นนทบุรี 30 มี.ค.-พาณิชย์เผยยอดตัวเลขส่งออกเดือนก.พ.66  ยังหดตัวที่ 4.7 % ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แต่ยังได้ตั้งเป้าหมายการทำงานเพื่อผลักดันให้การส่งออกของไทยในปีนี้ ขยายตัวเป็นบวกที่ 1-2% แม้หลายหน่วยงานมองส่งออกไทยปีนี้ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลกแต่ภาครัฐจะร่วมมือภาคส่งออกเร่งขยายตลาดใหม่ๆให้มากขึ้นไดเต่อไป 


นายสินิตย์  เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวพาณิชย์ รายงานตัวเลขการส่งออกของไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่า มีมูลค่า 22,376.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดลบ 4.7% เนื่องจากสินค้าส่งออกหลายกลุ่มมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยในกลุ่มสินค้าเกษตรขยายตัว 1.5 % อุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว5.6% และสินค้าอุตสาหกรรมติดลบ 6.2% จากปัญหาภาวะอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังสูงอยู่ ทำให้ประเทศคู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติมรวมถึงสินค้าฟุ่มเฟือยด้วยอีกทั้งภาคการผลิตโลกยังหดตัวส่งผลให้ยอดส่งออกสินค้าทั้งเคมีภัณฑ์และเครื่องจักรกลไม่เพิ่มขึ้นมากนัก จึงเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย

ขณะที่ ตัวเลขการนำเข้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 66 มีมูลค่าอยู่ทีี 23,489.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.1% ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนก.พ.66 ติดลบอยู่ที่ 1,113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหากดูยอดการส่งออก 2 เดือนแรกของปี 66 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. โดยยอดส่งออก 2 เดือนอยู่ที่ 42,625.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดการนำเข้าอยู่ที่ 48,388.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 2 เดือนทั้งสิ้น 5,763.1 ล้านเหรียญสหรัฐ


นอกจากนี้ หากดูกลุ่มสินค้าไทยที่ยังส่งออกได้ดี เช่น ข้าวขยาย 7.7% ทุเรียนสดขยายตัว 1,182.3 % ผลิตภัฑณ์มันสำปะหลังขยายตัว 5.2% ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งขยายตัว 61.6 % รวมถึงรถยนต์และส่วนประกอบยังได้รับการตอบรับที่ดีและมีทิศทางกลับมาดีขึ้นขยายตัว 15.7 % กลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัว 81.7% โดยตลาดส่งออกที่ขยายตัวสูงสุด ได้แก่ซาอุดีอาระเบียขยายตัวอยู่ที่ 56.2  % รองลงมา บรูไนขยายตัว 45.2 % ฮ่องกงขยายตัว 28.6% แอฟริกาขยายตัว 22.2% และอื่นๆเป็นต้น 

ทั้งนี้ แม้แนวโน้มการส่งออกของไทย ยังคงได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก และภาวะเงินเฟ้อสูงในประเทศคู่ค้ายังสูงอยู่ รวมถึงบรรยากาศตึงเครียดของสงคราม 2 รัสเซียและยูเครน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ แต่กระทรวงพาณิชย์ มีแผนส่งเสริมการส่งออกตลอดทั้งปี 2566 รวมกว่า 450 กิจกรรมมุ่งเน้นในตลาดศักยภาพ ทั้งตะวันออกกลาง เอเชียใต้  CLMV และจีน รวมไปถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับภาคเอกชน จึงมั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีนี้ จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายการทำงาน (working target) ที่ตั้งไว้ 1-2% เป็นต้น โดยคาดว่าการส่งออกไตรมาสแรกปี 66 จะหดตัวประมาณ 6-8% และจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆกลับมาเป็นบวกประมาณช่วงกลางปี ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าตัวเลขส่งออก 10 เดือนที่เหลือปีนี้เฉลี่ยต่อเดือนจะอยู่ที่24,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่าการส่งออกชายแดนและผ่านแดน135,137 ล้านบาท ลดลง 0.34% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกผ่านแดนไปจีนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน (+25.89%) คิดเป็นมูลค่า 11,015 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนและผ่านแดน เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 135,137 ล้านบาท ลดลง 0.34% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 72,901 ล้านบาท ลดลง 6.17% และการนำเข้ามูลค่า 62,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.48% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทั้งสิ้น 10,665 ล้านบาท 


ทั้งนี้ การค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ (มาเลเซีย สปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา) เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่าการค้ารวม 82,180 ล้านบาท ลดลง 6.60% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 49,309 ล้านบาท ลดลง 7.45% และการนำเข้ามูลค่า 32,871 ล้านบาท ลดลง 5.29%  โดยมาเลเซีย มูลค่าส่งออก 13,185 ล้านบาท (-11.65%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำยางข้น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อื่นๆ และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ขณะที่ สปป.ลาว มูลค่าส่งออก 12,903 ล้านบาท (-5.32%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซลน้ำมันสำเร็จรูปอื่น ๆ และน้ำตาลทรายขาว

ส่วนเมียนมา มูลค่าส่งออก 11,438 ล้านบาท (-3.35%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำสำเร็จรูปอื่น ๆ และน้ำมันปาล์ม กัมพูชา มูลค่าส่งออก 11,783 ล้านบาท (-8.62%) สินค้าสำคัญได้แก่ รถยนต์ เครื่องดื่มอื่นๆ และรถปิคอัพ รถบัส และรถบรรทุก

ขณะที่การค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม (จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่น ๆ) เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่ารวม 52,957 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.24% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 23,592 ล้านบาท ลดลง 3.36% และการนำเข้ามูลค่า 29,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.61% โดยจีนยังเป็นตลาดส่งออกหลัก  จีนมูลค่าส่งออก 11,015 ล้านบาท (+25.89%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และน้ำยางข้น

ขณะที่ สิงคโปร์ มูลค่าส่งออก 3,279 ล้านบาท (-17.35%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อื่นๆ และแผงวงจรไฟฟ้า เวียดนาม มูลค่าส่งออก 3,283 ล้านบาท (-5.34%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ น้ำแร่น้ำอัดลมที่ปรุงรส และส่วนประกอบและอุปกรณ์ อื่นๆและประเทศอื่น ๆ (เช่น ฮ่องกง สหรัฐฯ และญี่ปุ่น) มูลค่าส่งออก 6,015 ล้านบาท (-26.89%)

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์เพื่อสนับสนุนการค้าชายแดน โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อาทิ การผลักดันเปิดจุดผ่านแดนเพื่อขนส่งสินค้าภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย ณ วันที่ 21 มีนาคม 2566 มีจุดผ่านแดนฝั่งไทยเปิด 87 แห่ง จากทั้งหมด97 แห่ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเปิด 74 แห่ง (สถานะคงเดิมตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566)

การดำเนินโครงการ “จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก โดยร่วมมือกับ EXIM Bank และ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่การส่งออก รวมถึงผู้ประกอบการค้าชายแดน ซึ่ง ณ วันที่ 17 มีนาคม 2566 มีผู้ประกอบการยื่นขอสินเชื่อ 1,510 ราย วงเงินรวม 6,339.2 ล้านบาท อนุมัติวงเงินแล้ว 1,476 ราย วงเงินรวม 6,202.3 ล้านบาทเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]