fbpx

ยอดส่งออกเดือน ก.พ.66ยังคงติดลบต่อเนื่อง

นนทบุรี 30 มี.ค.-พาณิชย์เผยยอดตัวเลขส่งออกเดือนก.พ.66  ยังหดตัวที่ 4.7 % ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แต่ยังได้ตั้งเป้าหมายการทำงานเพื่อผลักดันให้การส่งออกของไทยในปีนี้ ขยายตัวเป็นบวกที่ 1-2% แม้หลายหน่วยงานมองส่งออกไทยปีนี้ชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลกแต่ภาครัฐจะร่วมมือภาคส่งออกเร่งขยายตลาดใหม่ๆให้มากขึ้นไดเต่อไป 


นายสินิตย์  เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวพาณิชย์ รายงานตัวเลขการส่งออกของไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่า มีมูลค่า 22,376.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดลบ 4.7% เนื่องจากสินค้าส่งออกหลายกลุ่มมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยในกลุ่มสินค้าเกษตรขยายตัว 1.5 % อุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว5.6% และสินค้าอุตสาหกรรมติดลบ 6.2% จากปัญหาภาวะอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกยังสูงอยู่ ทำให้ประเทศคู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติมรวมถึงสินค้าฟุ่มเฟือยด้วยอีกทั้งภาคการผลิตโลกยังหดตัวส่งผลให้ยอดส่งออกสินค้าทั้งเคมีภัณฑ์และเครื่องจักรกลไม่เพิ่มขึ้นมากนัก จึงเป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย

ขณะที่ ตัวเลขการนำเข้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 66 มีมูลค่าอยู่ทีี 23,489.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.1% ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนก.พ.66 ติดลบอยู่ที่ 1,113.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหากดูยอดการส่งออก 2 เดือนแรกของปี 66 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ. โดยยอดส่งออก 2 เดือนอยู่ที่ 42,625.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดการนำเข้าอยู่ที่ 48,388.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 2 เดือนทั้งสิ้น 5,763.1 ล้านเหรียญสหรัฐ


นอกจากนี้ หากดูกลุ่มสินค้าไทยที่ยังส่งออกได้ดี เช่น ข้าวขยาย 7.7% ทุเรียนสดขยายตัว 1,182.3 % ผลิตภัฑณ์มันสำปะหลังขยายตัว 5.2% ไก่สดแช่เย็น แช่แข็งขยายตัว 61.6 % รวมถึงรถยนต์และส่วนประกอบยังได้รับการตอบรับที่ดีและมีทิศทางกลับมาดีขึ้นขยายตัว 15.7 % กลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัว 81.7% โดยตลาดส่งออกที่ขยายตัวสูงสุด ได้แก่ซาอุดีอาระเบียขยายตัวอยู่ที่ 56.2  % รองลงมา บรูไนขยายตัว 45.2 % ฮ่องกงขยายตัว 28.6% แอฟริกาขยายตัว 22.2% และอื่นๆเป็นต้น 

ทั้งนี้ แม้แนวโน้มการส่งออกของไทย ยังคงได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก และภาวะเงินเฟ้อสูงในประเทศคู่ค้ายังสูงอยู่ รวมถึงบรรยากาศตึงเครียดของสงคราม 2 รัสเซียและยูเครน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ แต่กระทรวงพาณิชย์ มีแผนส่งเสริมการส่งออกตลอดทั้งปี 2566 รวมกว่า 450 กิจกรรมมุ่งเน้นในตลาดศักยภาพ ทั้งตะวันออกกลาง เอเชียใต้  CLMV และจีน รวมไปถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับภาคเอกชน จึงมั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีนี้ จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายการทำงาน (working target) ที่ตั้งไว้ 1-2% เป็นต้น โดยคาดว่าการส่งออกไตรมาสแรกปี 66 จะหดตัวประมาณ 6-8% และจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆกลับมาเป็นบวกประมาณช่วงกลางปี ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าตัวเลขส่งออก 10 เดือนที่เหลือปีนี้เฉลี่ยต่อเดือนจะอยู่ที่24,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่าการส่งออกชายแดนและผ่านแดน135,137 ล้านบาท ลดลง 0.34% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออกผ่านแดนไปจีนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน (+25.89%) คิดเป็นมูลค่า 11,015 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนและผ่านแดน เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 135,137 ล้านบาท ลดลง 0.34% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 72,901 ล้านบาท ลดลง 6.17% และการนำเข้ามูลค่า 62,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.48% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทั้งสิ้น 10,665 ล้านบาท 


ทั้งนี้ การค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ (มาเลเซีย สปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา) เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่าการค้ารวม 82,180 ล้านบาท ลดลง 6.60% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 49,309 ล้านบาท ลดลง 7.45% และการนำเข้ามูลค่า 32,871 ล้านบาท ลดลง 5.29%  โดยมาเลเซีย มูลค่าส่งออก 13,185 ล้านบาท (-11.65%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำยางข้น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อื่นๆ และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ ขณะที่ สปป.ลาว มูลค่าส่งออก 12,903 ล้านบาท (-5.32%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซลน้ำมันสำเร็จรูปอื่น ๆ และน้ำตาลทรายขาว

ส่วนเมียนมา มูลค่าส่งออก 11,438 ล้านบาท (-3.35%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำสำเร็จรูปอื่น ๆ และน้ำมันปาล์ม กัมพูชา มูลค่าส่งออก 11,783 ล้านบาท (-8.62%) สินค้าสำคัญได้แก่ รถยนต์ เครื่องดื่มอื่นๆ และรถปิคอัพ รถบัส และรถบรรทุก

ขณะที่การค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม (จีน สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่น ๆ) เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีมูลค่ารวม 52,957 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.24% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 23,592 ล้านบาท ลดลง 3.36% และการนำเข้ามูลค่า 29,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.61% โดยจีนยังเป็นตลาดส่งออกหลัก  จีนมูลค่าส่งออก 11,015 ล้านบาท (+25.89%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ และน้ำยางข้น

ขณะที่ สิงคโปร์ มูลค่าส่งออก 3,279 ล้านบาท (-17.35%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อื่นๆ และแผงวงจรไฟฟ้า เวียดนาม มูลค่าส่งออก 3,283 ล้านบาท (-5.34%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ น้ำแร่น้ำอัดลมที่ปรุงรส และส่วนประกอบและอุปกรณ์ อื่นๆและประเทศอื่น ๆ (เช่น ฮ่องกง สหรัฐฯ และญี่ปุ่น) มูลค่าส่งออก 6,015 ล้านบาท (-26.89%)

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์เพื่อสนับสนุนการค้าชายแดน โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อาทิ การผลักดันเปิดจุดผ่านแดนเพื่อขนส่งสินค้าภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย ณ วันที่ 21 มีนาคม 2566 มีจุดผ่านแดนฝั่งไทยเปิด 87 แห่ง จากทั้งหมด97 แห่ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเปิด 74 แห่ง (สถานะคงเดิมตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566)

การดำเนินโครงการ “จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก โดยร่วมมือกับ EXIM Bank และ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่การส่งออก รวมถึงผู้ประกอบการค้าชายแดน ซึ่ง ณ วันที่ 17 มีนาคม 2566 มีผู้ประกอบการยื่นขอสินเชื่อ 1,510 ราย วงเงินรวม 6,339.2 ล้านบาท อนุมัติวงเงินแล้ว 1,476 ราย วงเงินรวม 6,202.3 ล้านบาทเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME