ทำเนียบฯ 28 มี.ค.- “สุพัฒนพงษ์” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เผยเตรียมเสนอ กกต. ขอใช้งบกลางอุ้มค่าไฟบ้านที่ใช้ไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ตอกนโยบายลดราคาก๊าซ “มิ่งขวัญ” ให้ดูภาระประเทศ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมพร้อมในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หลังจากที่ค่าไฟฟ้างวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.66) ขยับขึ้นจากงวดนี้ (ม.ค.-เม.ย.66) 5 สตางค์/หน่วย โดยค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับขึ้นจาก 4.72 บาท เป็น 4.77 บาท/หน่วย โดยได้ของบประมาณจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ปี 2566 ไว้ช่วยเหลือประชาชน ซึ่งในช่วงรอยต่อก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่ ก็พร้อมจะเสนอ ครม. เพื่อของบกลางเพิ่มเติม โดยเมื่อ ครม.อนุมัติแล้วก็จะขอความเห็นชอบในการใช้งบประมาณจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณในส่วนนี้ได้
ส่วนกรณีอัตราค่าไฟฟ้าที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศอัตราค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค.66 ที่ขยับขึ้น และประกาศอัตราเดียวทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมนั้น เรื่องนี้ได้รับรายงานมาจาก กกพ.แล้ว ได้มีการสอบถามข้อมูลว่า การคำนวณอัตราค่าไฟนั้นทำถูกต้องหรือไม่ ทั้งในส่วนต้นทุนของการผลิตไฟฟ้า และในส่วนที่คำนวณที่เกี่ยวข้องกับหนี้ติดค้างที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระค่าไฟฟ้าให้ประชาชนไปก่อนกว่าแสนล้านบาท ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า ข้อมูลคำนวณถูกต้อง
“ต้องยอมรับว่าทำอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากตอนนี้เป็น ครม.รักษาการแล้ว ไม่ได้มีอำนาจเต็ม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าไฟฟ้าที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ที่จะเสนอ ครม. เพื่อของบกลางเพิ่มเติม โดยเมื่อ ครม.อนุมัติแล้วก็จะขอความเห็นชอบในการใช้งบประมาณจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ปรึกษานโยบายของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงนโยบายลดราคาแก๊สหุงต้ม 15 กิโลกรัม เหลือถังละ 250 บาท จากราคาปัจจุบัน 423 บาท/ถังนั้น ก็ต้องถามว่าทำได้จริงหรือไม่ เพราะทำแล้วมีค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งในขณะนี้ใครอยากจะพูดอะไรก็ต้องดูว่า ทำแล้วเหมาะสมหรือไม่ และเป็นภาระประเทศหรือไม่ เมื่อพูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา ครม.ได้มีการช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบางมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน พ.ค.65-เม.ย..66 จากสถานการณ์ราคาพลังงานสูงขึ้น 18,353. 362 ล้านบาท โดยในส่วนนี้การเห็นชอบล่าสุด คือ มติ ครม. วันที่ 24 มกราคม 2566 กรอบวงเงิน 7,500 ล้านบาท สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน ราว 19.66 ล้านราย ลดเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2566 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้
– ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วย/เดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 92.04 สตางค์/หน่วย โดยมีผลต่างค่า ft เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์/หน่วย
– ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วย/เดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 67.04 สตางค์/หน่วย โดยมีผลต่างค่า ft เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์/หน่วย.-สำนักข่าวไทย