กรุงเทพฯ 28 มี.ค.-พรรคการเมือง โชว์นโยบาย หวังฟื้นเศรษฐกิจไทย ทั้งเติมทุน ส่งเสริมเทคโนโลยี ยกระดับสินค้าเกษตร
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง “วิสัยทัศน์การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทย” โดย 9 พรรคการเมือง ในงานประชุมสามัญประจำปี 2566 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้ธีมงาน”EMPOWERING THAI INDUSTRIES FOR POWERFUL THAILAND เสริมสร้างพลังอุตสาหกรรมไทย สู่ประเทศไทยที่แข็งแกร่ง”
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ต้องสร้างไทยให้เป็นที่น่าเชื่อถือในเวทีโลก มุ่งลดต้นทุนการผลิต การขนส่ง เดินหน้าแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ผลักดันระดมทุนผ่านคลาวฟันดิ้ง ด้วยเงินดิจิทัล ปรับตัวรองรับเงื่อนไข CBAM ของยุโรป
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ต้องการผลกดัน จีดีพีให้เติบโตร้อยละ 4-5 ขับเคลื่อนการท่องเที่ยว เพิ่มจาก 40 ล้านคน เพิ่มเป็น 70-80 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ จาก 2 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 5 ล้านล้านบาท นำจุดเด่น ด้านเกษตร มาพัฒนาด้วยเทคโนโลยี ส่งออก สร้างรายได้เข้าประเทศ หนุนการลงทุนผ่านเขตอีอีซี ผลักดันการส่งออกตลาดใหม่ ด้วยสินค้าเกษตรมูลค่าสูง
นายอุตตม เสาวนายน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเสนอกลไกที่เรียกว่า “กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท” มากระชากให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน ทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและวางรากฐานเพื่ออนาคต โดยในส่วนของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สิ่งแรกคือใช้กองทุนแก้ปัญหาหนี้สิน และเติมทุนใหม่ให้กับผู้ประกอบการ ทุกท่านทราบดีว่าหนี้สินคือโซ่ตรวนที่ฉุดผู้ประกอบการอยู่ในวันนี้ ซ้ำยังไม่มีโอกาสเข้าถึงทุนมาพยุงธุรกิจ
นอกจากนี้กองทุนจะทำหน้าที่ผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัว ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เต็มศักยภาพ เช่นการสร้างเศรษฐกิจย่านใหม่ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศ การสนับสนุนเศรษฐกิจระบบแฟรนไชส์ ปั้นในเกิด 1,000 Super Franchisor เพื่อนำไปสู่ 100,000 Franchisee ให้เกิดผู้ประกอบการเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท เป็นโมเดลหลายประเทศทำสำเร็จมาแล้ว การสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอีคนตัวเล็ก การจัดทุนตั้งต้นให้กับ Startup เพื่อส่งเสริมด้านกิจการนวัตกรรม ส่วนรายย่อยประเภทพ่อค้าแม่ขายเราก็ไม่ทิ้งจะส่งเสริมให้เกิดด้วยสินเชื่อ “ตั้งต้นตั้งตัว” พร้อมกับพัฒนาทักษะด้วยการตั้งศูนย์ประชารัฐพัฒนาทักษะทั่วประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ต้องการเดินหน้าแก้ไขกฎหมายล้าหลังหลายฉบับ การสร้างพลังคนตัวเล็ก ให้เข้มแข็ง ต้องแก้ไขระเบียบ กฎเกณฑ์ 1,400 ฉบับ เพื่อลดปัญหาความซ้ำซ้อน ด้วยการออก พ.ร.ก. เพียง 1 ฉบับมาทดแทน การแก้ไข ประวัตหนี้เครดิตบลูโร ด้วยการต้องจัดทำ KPI ให้กับเอสเอ็มอี การสร้างรายได้โดยให้แต้มต่อกับเอสเอ็มอี ควรมีคลัสเตอร์มาช่วยดูแล การพัฒนานวัตกรรมให้กับรายย่อย มีกองทุนช่วยเหลือด้านนวัตกรรมชัดเจน เพื่อให้เอสเอ็มอีกลับมาแข็งแรง มุ่งปราบคอรัปชั่น ที่ผ่านมาเอกชนต้องสูญเสียเงินสินบน การจ่ายใต้โต๊ะจำนวนมาก พรรคไทยสร้างไทย มุ่งดูแลครอบครัวให้มีความสุข สร้างรายได้ สร้างเอสเอ็มอี สร้างความสุข
นายสันติ กีระนันท์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าววว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ต้องยกระดับด้านเกษตรครั้งใหญ่ ไทยมีเกษตรกรรายย่อย 8 ล้านครัวเรือน เอสเอ็มอี 3 ล้านราย นับเป็นคนกลุ่มใหญ่ จึงต้องการให้มีเงินทุนขยายกิจการ ร้านค้า จึงเสนอการเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน การเปลี่ยนเป็นวิสาหกิจหมู่บ้าน ไปพร้อมกับนโยบาย BCG การส่งเสริมรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต เพื่อให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ เร่ิมรู้จักการได้รับทุนดังกล่าว การส่งเสริมเทคโนโลยีด้านเกษตร การเสนอปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา ขอก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องการทำการเมืองวิถีใหม่ ปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นทุกวงการ ต้องเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับอุตสาหกรรมไทย ประกอบไปด้วย 3 เรื่อง พร้อมให้สภาอุตสาหกรรมทำงานกับพรรคการเมือง ปัจจุบันต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยยังเป็นในรูปแบบของ low tech low touch ซึ่งเป้าหมายร่ามกัน ระหว่างพรรคการเมืองและสภาอุตสาหกรรม คือจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมไทยพัฒนาไปยังเป้าหมายให้เป็นกิจกรรม high tech high touch มีท้้งเรื่องดิจิทัล และ Design อยู่ในนั้น โดยทิศทางการพัฒนาจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อขับเคลื่อนไปยังเป้าหมายที่มีร่วมกัน
พร้อมมองว่า เศรษฐกิจหลังจากนี้จะต้องเปลี่ยนจาก made in thailand เป็น made with thailand โดยไม่กำหนดขอบเขตเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่จะเป็นการเข้าไปอยู่ในซัพพลายเชน โดยไม่จำกัดตัวเอง ส่วนปัจจัยต่อมาคือเรื่องของปัจจัยการผลิต ที่จะต้องปรับเปลี่ยนเป็น industry 5.0 จากปัจจุบันที่ 4.0 โดยทำให้เครื่องจักร หุ่นยนต์ กับคนมาทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลิตสินค้าในอุตสาหกรรม ให้มีคุณค่ามากกว่าราคาที่ลดลงอีกด้วย
นายสุชาติ ชมกลิ่น กรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่ายอมรับว่าไทยยังขาดแคลนแรงงานไร้ฝีมือจำนวนมาก ยังจำเป็นต้องนำเข้ามาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ต้องเร่งยกระดับแรงงานไทย 1 ล้านคน รองรับอุตสาหกรรมใหม่ ตามเป้าหมายของไทย
นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ต้องการการผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียวอธิปไตยทางเศรษฐกิจ ยกระดับไทยเป็นเมืองแห่งสมุนไพร มาแปรรูปใช้รักษาแทนยาเคมี การยกระดับตลาดกัญชาทางการแพทย์ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร มุ่งปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ต้องลดต้นทุนค่าไฟฟ้า เพราะไทย มีค่าไฟฟ้า 5 บาทต่อหน่วย ส่วนเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ราคา 2 บาทต่อหน่วย อินโดนิเซีย ราคา 3 บาทต่อหน่วย จึงต้องปรับโครงสร้างใหม่ ไม่ให้กระทบทุกภาคส่วน .-สำนักข่าวไทย