ภาคธุรกิจประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตเกิน 3% แม้มีหลายปัจจัยน่าห่วง

กรุงเทพฯ 21 มี.ค.- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทยเผยผลสำรวจมุมมองผู้ประกอบการในประเทศ เห็นว่ายังได้รับอานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มสูงขึ้น และมีเม็ดเงินสะพัดช่วงการเลือกตั้ง ทำให้ปี 2566 เศรษฐกิจจะขยายตัวได้เกิน 3% แต่ยังกังวลผลกระทบจากหลายด้าน ทั้งอัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ค่าแรง รวมไปถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า และอยากเห็นรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ มีนโยบายเศรษฐกิจที่ดี


นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการทั่วประเทศที่ส่วนใหญ่ 76% เป็นธุรกิจขนาดย่อม ทั้งในภาคการบริการ การค้า อุตสาหกรรม และภาคเกษตร ถึง “ผลกระทบของภาคธุรกิจต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน” พบว่า สถานะทางธุรกิจขณะนี้ ยังคงทรงตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่เชื่อในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น และกลับมาเป็นปกติในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงไตรมาสที่ 4 เนื่องจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายมากขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางธุรกิจ และเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน และการเลือกตั้งทำให้เงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่มีความกังวลต่อแรวนโยบาย ที่จะมีผลต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจ และนโยบายที่อาจ จะไม่ต่อเนื่อง รวมถึงอาจจะเกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง

นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยังคงเจอผลกระทบจากสถานการณ์เงินเฟ้อ ที่มีผลต่อต้นทุน ค่าแรงขั้นต่ำ รวมทั้งการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า แม้ปัจจุบันจะชะลอลงอยู่ที่ 5.33 บาทต่อหน่วย แต่มีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุน โดยมองว่าค่าไฟฟ้า ควรอยู่ที่ 3.94 บาทต่อหน่วย และยังมีผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งหากปรับตัวสูงขึ้นอีก จะไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้ และจำเป็นจะต้องปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งภาครัฐ ควรดูแลราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ดังนั้น จึงประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4 อยู่ในกรอบ 3.35-3.82% หรือ เฉลี่ย 3.42% พร้อมขอให้ภาครัฐ ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบโดยเฉพาะการดูแลต้นทุนของภาคเอกชนให้เหมาะสม และเร่งเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงที่มีรัฐบาลรักษาการ และยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และในประเทศให้เหมาะสม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน


“เชื่อว่าเศรษฐกิจไทย จะฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งปีหลัง และเด่นชัดในไตรมาสที่ 4 หากการเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนด รัฐบาลมีเสถียรภาพ และมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดี โดยการแข่งขันที่รุนแรงของการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะส่งผลให้การรณรงค์หาเสียงเข้มข้น มีวงเงินสะพัดในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ประมาณ 1 – 1 แสน 2 หมื่นล้านบาท ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 โตได้ 3-4% ก่อนจะได้รัฐบาลใหม่ในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งผลทำให้เศรษฐกิจในภาพรวม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.5-0.7% ส่วนความกังวลในช่วงสูญญากาศทางการเมือง ในช่วงไตรมาสที่ 3 หลังจากการยุบสภานั้น ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาล จะจัดตั้งเมื่อไหร่ เพราะหากทันในช่วงเดือนสิงหาคม จะมีงบผูกพันในปีงบประมาณ 2567 ที่จะต้องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาฯ ให้เกิดความต่อเนื่อง รวมทั้งหากการเมืองไม่มีความขัดแย้ง เศรษฐกิจไทย ยังสามารถขยายตัวได้ 3-4% เป็นต้น”นายธนวรรธน์กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารทำร้าย

ทบ.ตั้ง กก.สอบปมกรมยุทธศึกษาทหารบก ทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชา

“ธนเดช” เผย กมธ.ทหาร รับเรื่องร้องเรียนเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะ ทบ. ตั้งกรรมการสอบแล้ว หวังเป็นตัวอย่างการลงโทษผู้บังคับบัญชาระดับสูงหากพบผิดจริง

“บิ๊กแจ๊ส” ลั่นพร้อมดูแลสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ให้เป็นปอดประชาชน

“บิ๊กแจ๊ส” ลั่นหากได้รับถ่ายโอน อบจ.ปทุมฯ พร้อมจัดงบดูแลสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ให้เป็นปอดประชาชน หลังขาดพื้นที่ออกกำลังกาย แต่จะกระทบความมั่นคงหรือไม่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องคุยกันต่อ

ข่าวแนะนำ

กฎหมายเปิดช่อง ริบรถพวกหัวร้อนบนถนนได้

จากคลิปรถเทสล่า ขับปาดหน้าบนทางด่วน ศาลสั่งจำคุก 1 เดือนคนขับ โทษจำรอลงอาญา 1 ปี แต่ที่สังคมต้องตระหนัก คือ ศาลยังสั่งริบรถเทสล่า มูลค่าเกือบ 2 ล้านคันนี้ด้วย วันนี้คนขับออกมาเปิดใจ พร้อมขอโทษคู่กรณี ขณะที่อัยการระบุ กฎหมายเปิดช่องให้ริบรถได้ เตือนผู้ขับขี่ใช้สติมากกว่าอารมณ์

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

นายกฯ ถก ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพลสีกากี 25 ตำแหน่ง

นายกฯ นั่งประธานประชุม ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพล ระดับ “รอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร.-ผู้บัญชาการ” รวม 25 ตำแหน่ง กำชับพิจารณาให้รอบคอบ-ตรงกรอบกฎหมาย