กรุงเทพฯ 16 มี.ค.- ธอส. จับมือ SAM ออกสินเชื่อบ้าน “SAM by GHB” คิดดอกเบี้ย 3 ปีแรก ต่ำสุดเพียง 3.80% ต่อปี เตรียมขายสินทรัพย์ NPA 1 หมื่นล้านบาท คาดเฟดชะลอเพิ่มดอกเบี้ย
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และนายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM ร่วมลงนาม ความร่วมมือทางธุรกิจผ่าน “โครงการสินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB” วงเงินรวม 800 ล้านบาท จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกต่ำสุดเพียงร้อยละ 3.80 ต่อปี เพื่อสนับสนุนให้ผู้ต้องการซื้อบ้านมือสองจาก SAM เข้าถึงสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนชำระเงินงวดลดลงเมื่อเทียบกับการผ่อนเงินดาวน์เฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 บาท เพื่อให้มีเงินเหลือใช้จ่ายด้านอื่น
ทั้งนี้ โครงการสินเชื่อบ้าน บสส. (SAM) by GHB” กรอบวงเงินรวม 800 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยปีที่ 1 – 3 เท่ากับMRR-2.60% ต่อปี (3.80%) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% (5.40%) และกรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% (5.90%) กรณีกู้ซื้ออุปกรณ์ฯ = MRRวัตถุประสงค์การให้กู้ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ผ่อนชำระนานสูงสุด 40 ปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นปีแรกเพียงเดือนละ 4,700 บาทเท่านั้น ยื่นคำขอกู้อนุมัติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567
นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวว่า SAM ยังมีโปรโมชั่น “กู้ได้ให้เลย” เป็นการให้บริการทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าของ SAM ควบคู่กัน ผู้สนใจ กำลังมองหาหรือต้องการซื้อทรัพย์สินเพื่อการอยู่อาศัย อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ฯลฯ ในทำเลดีและราคาเหมาะสมทั่วประเทศจาก SAM ด้วยวิธีเสนอซื้อตรงหรือประมูล จะได้รับสิทธิ์และอัตราดอกเบี้ยพิเศษในการขอสินเชื่อผ่าน ธอส. พร้อมบัตรสมนาคุณเพิ่มเติมจาก SAM ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
ส่วนลูกค้าเก่าของ SAM ที่อยู่ในโครงการ SAM Super Light ขณะนี้มีลูกค้าอยู่ระหว่างผ่อนชำระจำนวน 364 รายวงเงิน 200 ล้านบาท สามารถยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ กับ ธอส. ตาม โครงการดังกล่าว เพราะมองว่า“ซื้อคุ้มกว่าเช่า” ค่าผ่อนง่าย ๆ เพียงล้านละ 7,500 บาท/เดือนผ่อนชำระค่าซื้อทรัพย์ในช่วง 4 ปี แบบไม่มีดอกเบี้ยช่วยลดยอดเงินค่าซื้อทรัพย์ที่ต้องจ่ายในงวดสุดท้ายลงได้ถึงร้อยละ 40 คงเหลือเงินที่ต้องไปขอสินเชื่อกับธนาคารเพื่อนำมาชำระงวดสุดท้ายเพียงร้อยละ 60
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ธอส. ยังมีเป้าหมายขายสินทรัพย์ NPA มูลค่า 10,000 ล้านบาท อกไปสู่ตลาด จากยอดหนี้ NPL จำนวน 65,000 ล้านบาท จึงคาดว่าในสิ้นปี 66 นี้ ยอดหนี้ NPL ประมาณร้อยละ 4.25 หลังจากปัญหาหนี้เสียลดลงต่อเนื่อง สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยตลาดโลก มองว่า ขณะนี้ไม่มีปัจจัยทำให้เฟด ปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้นแบบแรงๆอีกแล้ว เพราะปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ ทำให้ กนง.ของไทย อาจยังไม่ปรับเพิ่มดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนจากนี้ สำหรับการตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ หากลูกค้ารายใดมีความพร้อม จึงเร่งตัดสินใจซื้อได้ในช่วงหนี้ แต่หากรายใด มีรายได้กับรายจ่ายในครัวเรือนใกล้เคียงกันคงตัดสินใจชะลอออกไปก่อน แต่มองว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังไปได้.-สำนักข่าวไทย