BTS ยืนยันไม่เคยฮั้วประมูลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสีเขียว

กรุงเทพฯ 14 มี.ค.- “คีรี กาญจนพาสน์” นำทีมผู้บริหาร BTS ชี้แจงไม่เคยฮั้วประมูลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ย้ำทำตามกฎหมายทุกขั้นตอน ชี้ ป.ป.ช. ปล่อยเอกสารหลุดผิดปกติ เชื่อเกี่ยวข้องประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 


นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้า BTS พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฯ และ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการฯ ร่วมกันแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด 

ผู้บริหารรถไฟฟ้า BTS ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม และอดีตผู้ว่ฯ กทม. รวม13 ราย กระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท อ่อนนุช-แบริ่ง, สายสีลม ตากสิน-วงเวียนใหญ่ และต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าเส้นทางหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปี เพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585


นายสุรพงษ์ ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เท่านั้น BTS ยังไม่ถูกฟ้องร้องหรือดำเนินคดีแต่อย่างใด ยืนยันว่าที่ผ่านมาบริษัททำสัญญาเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการฮั้วประมูลใดๆ 

นายสุรพงษ์ยังชี้แจงสรุปว่า สัญญาว่าจ้างที่เกิดขึ้นไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพราะมีการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนตามกฎหมายแล้ว แต่ไม่มีคนมาประมูล เพราะเอกชนต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเองทั้งหมด จึงมีการเสนอให้ ครม. ในปี 2543 พิจารณา และเป็นจุดเริ่มให้มีการเจรจาจ้างตรงผ่านความเห็นชอบของ ครม.

จากนั้น กทม. ได้ทำการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนทำสัญญาว่าจ้างการเดินรถ กับบีทีเอส โดย กทม. มีการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว มีคำวินิจฉัยว่าการว่าจ้างดังกล่าวไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน และมีการลงนามร่วมกันในปี 2555 ต่อมามีผู้ร้องเรียนไปที่ DSI ทำการสอบสวนเรื่องดังกล่าว กระทั่งได้ข้อสรุปในปี 2556 ว่าบีทีเอสไม่มีความผิด ขณะที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง


ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวมีการนำเอกสารซึ่งเป็นรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเอกสารลับมาเผยแพร่โดยมิชอบ ซึ่งส่งผลต่อสำนวนการสอบสวน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดการไต่สวนเรื่องดังกล่าวซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2555 วันนี้ครบ 11 ปีแล้ว จึงเพิ่งถูกหยิบยกมาพิจารณา เหตุใดใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนยาวนานขนาดนี้ และการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวมาเกิดขึ้นในช่วงที่นายคีรีกำลังต่อสู้เรื่องการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม

ขณะที่การนำเอกสารลับดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งที่ผลการสอบสวนแจ้งข้อหาผู้เกี่ยวข้องผ่านมา 2 เดือนแล้ว ส่งผลให้หุ้นของบริษัท BTS ราคาปรับตัวต่ำติดฟลอร์ จึงตั้งคำถามว่าต้องการทำลาย BTS หรือไม่ และประธาน ป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน จะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือไม่

ด้านนายคีรี ระบุว่า รู้สึกแปลกใจที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินคดี เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ตนประมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยมีอำนาจบางอย่างใช้เรื่องนี้เป็นชนักปักหลังให้ตนหยุดเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม พร้อมระบุว่ามีขบวนการที่ต้องการสร้างความเสียหายให้กับ BTS ถึงขนาดล้มละลาย เริ่มตั้งแต่การไม่จ่ายเงินค่าจ้างเดินรถและค่าระบบจำนวนกว่า 4 หมื่นล้านบาท จนต้องฟ้องศาลบังคับ แม้ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ชำระหนี้แล้วแต่ถึงวันนี้ยังไม่มีการชำระ ปล่อยให้ยอดเงินเพิ่มเป็นเกือบ 50,000 ล้านบาทแล้ว แต่ยืนยันว่าจะพยายามทุกวิถีทางในการไม่หยุดเดินรถ หรือเอาประชาชนเป็นตัวประกัน

นายคีรียังยืนยันด้วยว่า ไม่กลัวเรื่องการต่อสู้ทางคดี เพราะตนเป็นนักสู้ สู้เพื่อระบบโครงสร้างพื้นฐานของประชาชนมาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว และทำงานบนพื้นฐานความถูกต้องชอบธรรม พร้อมฝากไปถึงภาครัฐว่าเอาแต่ได้หรือไม่ เพราะเก็บเงินค่าโดยสารส่วนต่อขยายทุกวัน แต่กลับจะให้เอกชนควักทุนในการเดินรถ ไม่ยอมจ่ายเงิน หากข่าวนี้เผยแพร่ออกไปทั่วโลกจะสร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนได้ พร้อมย้ำว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ดีน่าลงทุนมาก แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับบริษัทของตน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มพนักงานรถไฟฟ้าบีทีเอส นำโดยนายเศกศักดิ์ หุ่นสะอาด รวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาแก้ไขปัญหาหนี้สินจากการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ทั้งนี้ รถไฟฟ้าบีทีเอสให้บริการมา 20 กว่าปี โดยไม่เคยหยุดการเดินรถ แต่วันนี้พนักงานที่หยุดงานได้ใช้วันหยุดพร้อมใจกันมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นคำขาดให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินในการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่ง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นคู่สัญญากับ บมจ.กรุงเทพธนาคม (KT) ทั้งส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่สอง 2 และ 3 ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช. มีคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2562 เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับหนี้บริการสาธารณะ แต่ผ่านมาจนถึงวันนี้กว่า 4 ปีแล้วหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น KT หรือหน่วยงานใดก็ตาม ไม่ได้ดำเนินการตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี แม้บริษัทจะฟ้องศาลปกครองจนมีคำสั่งให้จ่ายเงินแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่จ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถสะสมจะทำให้ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน และการใช้จ่ายของบริษัท และทำให้พนักงานทั้งหมดกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานพนักงานในอนาคต แม้ขณะนี้บริษัทจะยังมีเงินจ่ายพนักงานได้ตามปกติก็ตาม ดังนั้น จึงขอให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลนี้ก่อนการยุบสภาฯ เพราะกังวลว่าหากยุบสภาฯ และหากรัฐบาลใหม่จะไม่ดำเนินการแก้ปัญหา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า แจงระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชี ยังคงทำธุรกรรมได้ปกติ ส่วนบัญชีม้าจะไม่ปลดล็อกเด็ดขาด พร้อมแจงการอายัดบัญชีทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายจากตำรวจเท่านั้น ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชีเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น ทั้งนี้ […]

จนท.ห้ามล่าสัตว์ป่า หายตัวปริศนา 3 วัน หลังไปขายลอตเตอรี่

อุทัยธานี 14 ก.ย.- แม่เศร้าลูกชาย ซึ่งเป็น จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา หายตัวปริศนา 3 วัน หลังออกเวรไปเร่ขายลอตเตอรี่ แต่จนถึงขณะนี้ ยังติดต่อไม่ได้ นางจำรัส อายุ 57 ปี ชาวบ้านบึงเจริญ หมู่ 9 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี นำเบาะแส เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มอบให้สื่อมวลชน ช่วยเป็นกระบอกเสียง ในการตามหาลูกชาย คือนายเอกฉัตร อายุ 39 ปี ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา ต.ระบำ อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนาน 3 วัน โดยภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน นายเอกฉัตรนำแผงลอตเตอรี่มาขาย ที่ร้านของชำของแม่ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ สีแดงออกไป กระทั่งล่าสุด วันที่ 11 กันยายน กล้องอีกจุดจับภาพนายเอกฉัตร ขี่รถจักรยานยนต์ สีเขียว ทะเบียน 1ขอ […]

ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี

14 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 30 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับนายณัฐพงษ์ อายุ 36 ปี นายวิเนตร อายุ 28 ปี และนายธีรวุฒิ อายุ 34 ปี ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมของกลางหลายรายการ หลังมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเครือข่ายเงินกู้นอกระบบเก็บดอกเบี้ยถึงร้อยละ 626.25 ต่อปี กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ผู้กู้ไม่ต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน โอนเงินให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ไปบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรก และงวดสุดท้ายไว้ก่อน หากผิดนัดชำระหนี้ ก็จะไประรานลูกหนี้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย. -สำนักข่าวไทย

ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย กกต.คาดรู้ผลก่อน 3 ทุ่ม

เชียงราย 14 ก.ย.- กกต. คาดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย 65% เหตุอากาศเป็นใจ พบประชาชนตื่นตัวมารอใช้สิทธิแต่เช้า รู้ผลก่อน 3 ทุ่มคืนนี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 จังหวัดเชียงราย ว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมารอใช้สิทธิทั้ง 2 หน่วยภายในโรงเรียนบ้านสบคา ซึ่งวันนี้สภาพอากาศเป็นใจท้องฟ้าปลอดโปร่ง หากเป็นไปเช่นนี้จะมีส่วนทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่อากาศเอื้ออำนวยในการออกเสียงเลือกตั้งวันนี้ ซึ่งมีตั้งเป้าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 65 แม้จะเป็นงานยาก เพราะมีเงื่อนไขในเรื่องของกำหนดเวลายุบสภา แต่ด้วยความร่วมมือของทั้งพรรคการเมืองและผู้สมัคร และทางจังหวัดเชียงราย กกต.จังหวัดเชียงราย คาดว่าตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิจะใกล้เคียงเป้าที่ได้ตั้งเป้าไว้ สำหรับรายงานผล เมื่อปิดหน่วยในเวลา 17.00 น. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะมีการตรวจบัตรและนับคะแนน คาดว่าจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลาประมาณ 20.00 – 21.00 น. ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยระบุว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของชาวจังหวัดเชียงราย และเลขา กกต.ได้มาตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขตเลือกตั้งที่ 7 พร้อมเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่ เลือกคนดีเข้าสภาเป็นหน้าที่ของชาวจังหวัดเชียงราย […]