กรุงเทพฯ 13 มี.ค. – ซีไอเอ็มบี ไทย คาดกรณี SVB น่าจะเป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ที่กระทบราคาพันธบัตร-กลุ่มลูกค้าธนาคารขาดทุนต่อเนื่อง จนแห่ถอนเงิน เชื่อไม่ลุกลามเหมือนวิกฤติการเงินปี 2008
ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัยและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวถึงกรณีองค์กรประกันเงินฝากในสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp หรือ FDIC) สั่งปิดกิจการ Silicon Valley Bank (SVB) ว่าปัญหาของแบงก์นี้เกิดอยู่ๆ ราคาหุ้นร่วงลง 60% ในวันเดียว จากความกังวลว่าจะเกิดการเพิ่มทุนจำนวนมาก เพื่อชดเชยการขาดทุนมหาศาลจากการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทำให้คนไม่มั่นใจแห่ถอนเงินจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มาจาก partners ที่เป็น Private Equity, Venture Capital, Tech, Health tech แค่วันที่ 9 มี.ค. เพียงวันเดียว มีคนถอนเงินฝากไปราว 1 ใน 4 ของเงินฝากทั้งหมด แบงก์ขาดกระแสเงินหมุนเวียน เจอปัญหาสภาพคล่องจนลามเป็นปัญหาล้มละลาย FDIC จึงต้องมาระงับกิจการโอนเงินฝากให้แบงก์ที่จะจัดตั้งใหม่ ย้ำว่าวิกฤตินี้ไม่เหมือนปี 2008 ตอนเลห์แมนล้ม ตอนนั้นคือปัญหาความเสี่ยงด้านเครดิตจากการลงทุนในอนุพันธ์ด้านอสังหาฯ ตอนนี้คือความเสี่ยงด้านตลาดหรือสภาพคล่องจากดอกเบี้ยขาขึ้น และขาดการบริหารที่ดีด้านระยะเวลาเงินฝากและสินเชื่อ
ล่าสุด 12 มี.ค. 66 ทางการสหรัฐ นำโดยกระทรวงการคลัง, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ FDIC ออกแถลงการณ์ร่วม ประกาศรับประกันเงินฝากทั้งหมดของธนาคาร SVB โดยผู้ฝากเงินจะสามารถเข้าถึงเงินทั้งหมดของตนเองได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 มี.ค. เป็นต้นไป และประกาศจัดหาเงินกองทุนพิเศษให้กับ FDIC เพื่อให้มีเพียงพอในการสร้างความมั่นใจให้กับระบบธนาคารของสหรัฐ ทำให้ตลาดเงินตลาดทุนของสหรัฐ ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ตอบสนองต่อมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นน่าจะยังผันผวนจากความกังวลว่าจะมีแบงก์ไหนเป็นรายต่อไปที่ล้ม ขณะที่เงินเฟ้ออาจลดลงได้บ้างแต่ไม่น่าลงได้เร็วเหมือนในอดีต โดยอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีโอกาสลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ย 8% ปีนี้น่าอยู่ที่ราว 4% คาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม เพียง 0.25% และระดับดอกเบี้ยสูงสุดอาจอยู่ที่ระดับ 5.75% เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป กรณี SVB อาจไม่มีน้ำหนักมากหากไม่ลามและรุนแรง
ทั้งนี้ มองว่ากรณี SVB จะมีผลกระทบต่อไทยในระยะสั้นจะผ่านตลาดเงินและตลาดทุนที่ยังมีแนวโน้มผันผวนในสัปดาห์นี้ อาจมีแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงบ้างในระยะสั้น แต่ตลาดน่าให้น้ำหนักการชะลอตัวของค่าจ้างแรงงานและอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ แต่อาจรอตัวเลขเงินเฟ้อ ยอดค้าปลีก และอื่นๆ เพื่อดูสัญญาณว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อแรงหรือไม่ ซึ่งกรณี SVB อาจมีน้ำหนักด้านเสถียรภาพตลาดการเงิน ทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เงินน่ากลับมาตลาดเกิดใหม่ เงินบาทน่าขยับแบบ sideway 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ ส่วนหาก SVB มีปัญหาลามต่อหรือมีความไม่แน่นอนต่อก็อาจกระทบภาคการส่งออกของไทย ซึ่งก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ให้ชะลอต่อได้ ส่วนราคาน้ำมันในตลาดโลกน่าย่อลงตามอุปสงค์ที่อ่อนแอลงทำให้การนำเข้าไทยลดลงตาม ไม่น่ามีปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเหมือนก่อนหน้า ส่วนภาคการท่องเที่ยวของไทยไม่น่ากระทบ โดยรวมปัญหานี้น่ากระจุกในสหรัฐไม่น่ากระทบเอเชียแปซิฟิกมากนัก โดยเฉพาะจีนที่ยังเติบโตได้ดีแต่แน่นอนว่าการส่งออกไม่สดใส
สำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ไม่ได้อนุญาตให้ธนาคารลงทุนใน Crypto โดยตรง ขณะที่กลุ่มการเงินยังคงถูกกำกับอย่างเข้มงวดจาก Regulators ของไทย.-สำนักข่าวไทย