กรุงเทพฯ 3 มี.ค.-Krungthai COMPASS เผยส่งออกเดือน ม.ค. 66 ที่ติดลบ 4.5% หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 มากกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ -1.0% จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้ายังอ่อนแอ ซึ่งการหดตัวดังกล่าวอยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศในภูมิภาค ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรกรรม สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว
Krungthai COMPASS ได้ประเมินการส่งออกยังมีแนวโน้มหดตัวต่ออีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสินค้าส่งออกหลักหลายรายการยังจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลังหลังจากความต้องการสินค้าที่เคยได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 การส่งออกในระยะข้างหน้า จึงยังเผชิญแรงกดดันและมีโอกาสที่มูลค่าการส่งออกในปี 2566 อาจต่ำกว่าประมาณการที่เคยประเมินไว้เดิม และมีโอกาสจะขยายตัวในอัตราติดลบ
ดร.ฉมาดนัย มากนวล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) Krungthai COMPASS กล่าวว่า หากดูมูลค่าส่งออกเดือน ม.ค. อยู่ที่ 20,249.5 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัว 4.5% โดยปรับตัวลงต่อเนื่องเมื่อเทียบจากปีก่อนเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้การส่งออกสินค้าทั้งหมวดเกษตรกรรม อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมต่างหดตัวลง จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้ายังอ่อนแอท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับสูง ซึ่งการหดตัวดังกล่าวอยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศในภูมิภาค สำหรับการส่งออกทองคำเดือนนี้หดตัวต่อเนื่องที่ -14.8% ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้หดตัว 4.4%
ทั้งนี้ การส่งออกรายสินค้าส่วนใหญ่หดตัวต่อเนื่อง แยกเป็นการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว 4 เดือนติดต่อกัน ที่-21.7% หดตัวมากขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งหดตัว 15.7%จากการส่งออกเม็ดพลาสติก (-30.0%) เคมีภัณฑ์ (-17.6) เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (-21.2%) ผลิตภัณฑ์ยาง (-8.2%) รวมทั้ง อัญมณีและเครื่องประดับ (-3.8%) อย่างไรก็ตาม สินค้าบางชนิดสามารถขยายตัวได้ โดยเฉพาะรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ซึ่งกลับมาเติบโตอีกครั้ง(+9.2%) ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญบางส่วนยังขยายตัวต่อเนื่อง เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด(+73.3%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+16.4%) และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ (+44.9%) เป็นต้น
ขณะที่ การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ -2.7% แต่น้อยลงเมื่อเทียบจากเดือนก่อนซึ่งหดตัว -11.2% โดยสินค้าหลักหลายรายการหดตัวต่อเนื่อง อาทิ น้ำตาลทราย (-45.4%) ยางพารา(-37.6%) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (-7.6%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-4.8%) และไก่แปรรูป (-2.2%) อย่างไรก็ตาม สินค้าบางชนิดยังขยายตัวดี ได้แก่ ข้าว (+72.3%) ไก่สด/แช่เย็น/แช่แข็ง (+50.0%) และผลไม้สด (+2.5%)
ด้านการส่งออกรายตลาดส่วนใหญ่หดตัว โดยตลาดสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ -4.7%โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ขณะที่สินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องโทรสารโทรศัพท์ และส่วนประกอบ
จีนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ที่ -11.4%โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง และน้ำมันสำเร็จรูป
ญี่ปุ่น : หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ -9.2%โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ไก่แปรรูป และทองแดงเป็นต้น ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น
EU27 : กลับมาขยายตัวที่ +2.2%โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ASEAN5 กลับมาขยายตัวที่ +2.3%YoY โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และข้าว เป็นต้น ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก ยางพารา และแผงวงจรไฟฟ้า
ส่วนตัวเลขมูลค่าการนำเข้าเดือน ม.ค. อยู่ที่ 24,899.1 ล้านดอลลาร์ฯ กลับมาขยายตัว 5.5% จากเดือนก่อนที่หดตัว11.9%เป็นผลจากการเติบโตของการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง (+84.4%) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง(+28.4%) และสินค้าอุปโภคบริโภค (+0.4%) ด้วยแรงหนุนจากการทยอยปรับตัวเป็นปกติมากขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน (-10.3%) และสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (-7.4%) หดตัวลง ตามการผลิตเพื่อการส่งออกที่หดตัว ด้านดุลการค้าเดือน ธ.ค. ขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ที่ระดับ -4,649 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม Krungthai COMPASS ได้ประเมินการหดตัวติดต่อกันของมูลค่าส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากหมวดอุตสาหกรรมที่เผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อในประเทศคู่ค้าที่อ่อนแรง รวมทั้งความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่กระทบต่อความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมหลักหลายหมวด เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และอัญมณีฯ ประกอบกับผลสืบเนื่องจากปัญหาของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ กดดันการส่งออกในกลุ่มพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจีนขณะเดียวกันการส่งออกคอมพิวเตอร์ยังเผชิญกับวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในช่วงขาลง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การส่งออกของไทยหดตัวในไตรมาสที่ 4/2565 ถึง 8%QoQ โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมข้างต้นมีสัดส่วนทั้งหมดคิดเป็น 32.9% และถือเป็นที่มาของการหดตัวรวมกันถึง 5.2%
นอกจากนี้ Krungthai COMPASS มองว่าการส่งออกยังมีแนวโน้มหดตัวต่ออีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสินค้าส่งออกหลักหลายรายการยังจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลังหลังจากความต้องการสินค้าที่เคยได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับการ work from home ลดลง ซึ่งมีผลให้สินค้าบางประเภทมีแนวโน้มอยู่ในวัฏจักรสินค้าช่วงขาลง เช่น คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และอาจต้องรอให้ปรับตัวดีขึ้นชัดเจนในไตรมาสที่ 2/2566 ในระยะข้างหน้า การส่งออกจึงยังเผชิญแรงกดดันและมีโอกาสที่มูลค่าการส่งออกอาจขยายตัวในอัตราที่ติดลบ ตัวเลขการส่งออกของไทยในปี 2566 จึงอาจต่ำกว่าประมาณการที่เคยประเมินไว้เดิม.-สำนักข่าวไทย