เศรษฐกิจโลกชะลอตัวฉุดส่งออกม.ค.ติดลบ 4.5

กรุงเทพฯ 3 มี.ค.-Krungthai COMPASS เผยส่งออกเดือน ม.ค. 66 ที่ติดลบ 4.5% หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 มากกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ -1.0% จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้ายังอ่อนแอ ซึ่งการหดตัวดังกล่าวอยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศในภูมิภาค ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรกรรม สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว


Krungthai COMPASS ได้ประเมินการส่งออกยังมีแนวโน้มหดตัวต่ออีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสินค้าส่งออกหลักหลายรายการยังจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลังหลังจากความต้องการสินค้าที่เคยได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 การส่งออกในระยะข้างหน้า จึงยังเผชิญแรงกดดันและมีโอกาสที่มูลค่าการส่งออกในปี 2566 อาจต่ำกว่าประมาณการที่เคยประเมินไว้เดิม และมีโอกาสจะขยายตัวในอัตราติดลบ

ดร.ฉมาดนัย มากนวล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) Krungthai COMPASS กล่าวว่า หากดูมูลค่าส่งออกเดือน ม.ค. อยู่ที่ 20,249.5 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัว 4.5% โดยปรับตัวลงต่อเนื่องเมื่อเทียบจากปีก่อนเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้การส่งออกสินค้าทั้งหมวดเกษตรกรรม อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมต่างหดตัวลง จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศคู่ค้ายังอ่อนแอท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับสูง ซึ่งการหดตัวดังกล่าวอยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศในภูมิภาค สำหรับการส่งออกทองคำเดือนนี้หดตัวต่อเนื่องที่ -14.8% ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้หดตัว 4.4%  


ทั้งนี้ การส่งออกรายสินค้าส่วนใหญ่หดตัวต่อเนื่อง แยกเป็นการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว 4 เดือนติดต่อกัน ที่-21.7% หดตัวมากขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งหดตัว 15.7%จากการส่งออกเม็ดพลาสติก (-30.0%) เคมีภัณฑ์ (-17.6) เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (-21.2%) ผลิตภัณฑ์ยาง (-8.2%) รวมทั้ง อัญมณีและเครื่องประดับ (-3.8%) อย่างไรก็ตาม สินค้าบางชนิดสามารถขยายตัวได้ โดยเฉพาะรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ซึ่งกลับมาเติบโตอีกครั้ง(+9.2%) ขณะที่สินค้าส่งออกสำคัญบางส่วนยังขยายตัวต่อเนื่อง เช่น อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด(+73.3%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+16.4%) และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ (+44.9%) เป็นต้น

ขณะที่ การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ -2.7% แต่น้อยลงเมื่อเทียบจากเดือนก่อนซึ่งหดตัว -11.2% โดยสินค้าหลักหลายรายการหดตัวต่อเนื่อง อาทิ น้ำตาลทราย (-45.4%) ยางพารา(-37.6%) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (-7.6%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-4.8%) และไก่แปรรูป (-2.2%) อย่างไรก็ตาม สินค้าบางชนิดยังขยายตัวดี ได้แก่ ข้าว (+72.3%) ไก่สด/แช่เย็น/แช่แข็ง (+50.0%) และผลไม้สด (+2.5%) 

ด้านการส่งออกรายตลาดส่วนใหญ่หดตัว โดยตลาดสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ที่ -4.7%โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ขณะที่สินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องโทรสารโทรศัพท์ และส่วนประกอบ  


จีนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ที่ -11.4%โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง และน้ำมันสำเร็จรูป 

ญี่ปุ่น : หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ -9.2%โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เคมีภัณฑ์ ไก่แปรรูป และทองแดงเป็นต้น ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น  

EU27 : กลับมาขยายตัวที่ +2.2%โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 

ASEAN5 กลับมาขยายตัวที่ +2.3%YoY โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และข้าว เป็นต้น ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ เม็ดพลาสติก ยางพารา และแผงวงจรไฟฟ้า   

ส่วนตัวเลขมูลค่าการนำเข้าเดือน ม.ค. อยู่ที่ 24,899.1 ล้านดอลลาร์ฯ กลับมาขยายตัว 5.5% จากเดือนก่อนที่หดตัว11.9%เป็นผลจากการเติบโตของการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง (+84.4%) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง(+28.4%) และสินค้าอุปโภคบริโภค (+0.4%) ด้วยแรงหนุนจากการทยอยปรับตัวเป็นปกติมากขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่การนำเข้าสินค้าทุน (-10.3%) และสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (-7.4%) หดตัวลง ตามการผลิตเพื่อการส่งออกที่หดตัว ด้านดุลการค้าเดือน ธ.ค. ขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ที่ระดับ -4,649 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม Krungthai COMPASS ได้ประเมินการหดตัวติดต่อกันของมูลค่าส่งออกสินค้าไทยในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากหมวดอุตสาหกรรมที่เผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อในประเทศคู่ค้าที่อ่อนแรง รวมทั้งความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยที่กระทบต่อความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมหลักหลายหมวด เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง และอัญมณีฯ ประกอบกับผลสืบเนื่องจากปัญหาของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ กดดันการส่งออกในกลุ่มพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ที่พึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจีนขณะเดียวกันการส่งออกคอมพิวเตอร์ยังเผชิญกับวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในช่วงขาลง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้การส่งออกของไทยหดตัวในไตรมาสที่ 4/2565 ถึง 8%QoQ โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมข้างต้นมีสัดส่วนทั้งหมดคิดเป็น 32.9% และถือเป็นที่มาของการหดตัวรวมกันถึง 5.2%

นอกจากนี้ Krungthai COMPASS มองว่าการส่งออกยังมีแนวโน้มหดตัวต่ออีกระยะหนึ่ง เนื่องจากสินค้าส่งออกหลักหลายรายการยังจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลังหลังจากความต้องการสินค้าที่เคยได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับการ work from home ลดลง ซึ่งมีผลให้สินค้าบางประเภทมีแนวโน้มอยู่ในวัฏจักรสินค้าช่วงขาลง เช่น คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่เศรษฐกิจจีนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และอาจต้องรอให้ปรับตัวดีขึ้นชัดเจนในไตรมาสที่ 2/2566 ในระยะข้างหน้า การส่งออกจึงยังเผชิญแรงกดดันและมีโอกาสที่มูลค่าการส่งออกอาจขยายตัวในอัตราที่ติดลบ  ตัวเลขการส่งออกของไทยในปี 2566 จึงอาจต่ำกว่าประมาณการที่เคยประเมินไว้เดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]