นนทบุรี 20 ก.พ.-รัฐมนตรีพาณิชย์เชื่อปีนี้ยอดส่งออกไปตลาดจีนเพิ่มขึ้นแน่ หลังไทยมินิเอฟทีเอ ไทย-ไห่หนานแถมรองผู้ว่าไห่หนานขานรับพร้อมอำนวยความสะดวกการค้าระหว่างกันทุกด้าน มั่นใจเร็วๆนี้จะมีข่าวดีทำมินิเอฟทีเอกับเมืองเซินเจิ้นและยูนนานเพิ่มเติม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังหารือร่วมกับนายเสินตันหยาง (Mr. Shen Danyang) รองผู้ว่าการมณฑลไห่หนานพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ว่า เพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ไห่หนาน หลังทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงทำมินิเอฟทีเอสำเร็จไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันไทยมีมินิเอฟทีเอกับเมืองหรือมณฑลสำคัญ 7 ฉบับและอนาคตจะมีเพิ่มอีก 6 ฉบับ คาดว่าจะสำเร็จทั้งหมดจะลงนาได้ในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นท่านรองผู้ว่าการฯเชิญไทยร่วมงาน HAINAN EXPO วันที่ 11-15 เม.ย. นี้ ได้ตอบรับและพร้อมจะส่งผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมอย่างน้อย 20 รายด้วยกัน รวมทั้งมณฑลไห่หนานเชิญกระทรวงพาณิชย์ไทยตั้งสำนักงานการค้าเพื่อโปรโมทสินค้าที่มณฑล ซึ่งตรงนี้ กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่ามีทูตพาณิชย์ที่กวางโจวดูแลในส่วนมณฑลไห่หนานอยู่แล้ว และมองว่าอนาคตเมื่อมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นมามากอาจเป็นไปได้ที่จัดตั้งสำนักงานที่ไห่หนานและที่สำคัญมองว่ามณฑลไห่หนานจะสู่การเป็นเมืองท่าการค้าเสรีไห่หนาน (Hainan Free Trade Port) หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคต และจะเป็นเมืองท่าการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดติดลำดับโลกได้
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ขอให้ไห่หนานสนับสนุน เช่น ต้องการต่อยอดมินิเอฟอีเอ ให้มีพัฒนาการค้าในทุกด้านอย่างเต็มทีเพื่อให้การค้าทั้ง 2 ฝ่ายสูงขึ้น โดยในปี 65 ที่ผ่านมามูลค่าส่งออกไทยไปไห่หนานเพิ่มขึ้น 66.8% หรือคิดเป็นมูลค่า10,465 ล้านบาท ซึ่งสินค้าสำคัญ เช่น ยางพารา ผลไม้ เคมีภัณฑ์และสินแร่ เป็นต้น และขอให้จัดเจรจาซื้อขายสินค้าระหว่างกันบ่อยขึ้น
และขอให้ไห่หนานอำนวยความสะดวกให้สินค้าไทยอยู่ในร้านปลอดภาษีของไห่หนาน รวมทั้งเชิญมณฑลไห่หนานส่งนักธุรกิจร่วมงานแสดงสินค้าไทย 5 งานสำคัญ ได้แก่ 1.งาน STLYE Bangkok 2.งาน TAPA เกี่ยวกับชิ้นส่วนยานยนต์ 3.งาน THAIFEX-ANUGA ASIA ด้านอาหาร 4.งาน TILOG ด้านโลจิสติกส์ และ 5.งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ด้านอัญมณีและเครื่องประดับ พร้อมขอให้กำหนดเจ้าหน้าที่ 2 ฝ่ายเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างศูนย์ RCEP Center ของไทย กับศูนย์ Business Service ของไห่หนาน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยทุกเรื่องดังกล่าวทางรองผู้ว่าฯรับจะกลับไปดำเนินการตามคำแนะนำฝ่ายไทย และยังจะช่วยแนะนำสินค้ากลุ่มแฟชั่นเครื่องแต่งกายและของใช้ในชีวิตประจำวันจะเป็นที่สนใจของลูกค้าชาวจีนอีกด้วย
นอกจากนี้ เชื่อว่าการเชื่อมความสัมพันธ์การค้าในครั้งนี้ จะทำให้การค้าระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น เพราะหากดูตัวเลขมูลค่าการค้า
ระหว่างไทยกับไห่หนานในปี 65 มียอดมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 18,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.9% หลังมีมินิเอฟทีส่งออกเพิ่มขึ้น 66.8% มูลค่า 10,465 ล้านบาท ดังนั้น ตลาดจีนยังเป็นตลาดสำคัญของไทย ที่ไทยต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แม้มีแรงเสียดทานการส่งออกที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามรัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อ และอื่นๆจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับจีนในฐานะประเทศคู่ค้าและตั้งเป้าตลาดจีน ส่งออกในปี 66 เป็นบวก 1% หรืออาจจะมากกว่านี้ เนื่องจากไทยกับจีนทำมินิเอฟทีเอกับไห่หนานและกานซู่ และกำลังจะมีกับเซินเจิ้นในอีกไม่กี่วันและกับยูนนานอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย