ธปท.เผยหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งเกินระดับเฝ้าระวังที่ 86.8% ต่อ GDP

กรุงเทพฯ 14 ก.พ. – ธปท.เผยหนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง เกินระดับเฝ้าระวังที่ 86.8% ต่อ GDP คนวัยเริ่มทำงานเป็นหนี้มากกว่าครึ่ง ขณะที่ 1 ใน 4 ของคนวัย 60 ยังต้องผ่อนหนี้ เร่งวางแนวทางแก้ไข หวั่นฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจ ลุกลามเป็นปัญหาสังคม


ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดงาน Media briefing แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน เพื่อวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ตามแนวนโยบายภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงินไทย เพื่อเศรษฐกิจดิจิทัลและการเติบโตอย่างยั่งยืน

นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากระดับ 59.3% ในปี 2553 มาอยู่ที่ระดับ 86.8% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 เพิ่มขึ้นในระดับสูง เกินกว่าระดับเฝ้าระวังที่ 80% ต่อ GDP ดังนั้น ธปท. จึงได้จัดทำ “แนวทางการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน” เพื่อสะท้อนข้อมูลเชิงลึกของหนี้ครัวเรือนไทย และสื่อสารหลักการในการแก้ปัญหาหนี้ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะหากไม่ทำอะไรเพิ่มเติม คาดว่าหนี้ครัวเรือนจะสูงกว่าร้อยละ 80 ต่อ GDP และอาจฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน และอาจลุกลามไปเป็นปัญหาสังคม ซึ่งจะยิ่งแก้ไขได้ยากขึ้น


ด้านนายจิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า การก่อหนี้สามารถทำได้ตามความจำเป็น หรือเพื่อการลงทุนในการประกอบอาชีพ ถือเป็นหนี้ที่มีประโยชน์ แต่ถ้าเป็นหนี้เพื่อการบริโภคอาจเป็นหนี้ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ คนไทยเองยังมีการก่อหนี้ใน 8 รูปแบบที่ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นกับดักจากการเป็นหนี้ได้ เช่น เป็นหนี้เร็ว วัยเริ่มทำงาน อายุ 25-29 ปี มากกว่า 58% เป็นหนี้ และมากกว่า 25% เป็นหนี้เสีย, เป็นหนี้เกินตัว เกือบ 30% ของลูกหนี้บัตรเครดิตและหนี้ส่วนบุคคล มีหนี้เกิน 4 บัญชีต่อคน วงเงินรวมต่อคนสูงถึง 10-25 เท่าของรายได้ในแต่ละเดือน ทำให้รายได้เกินกว่าครึ่งต้องเอาไปจ่ายคืนหนี้ และเป็นหนี้นาน : เกินกว่า 1 ใน 4 ของคนอายุเกิน 60 ปี ยังมีภาระหนี้ที่ต้องผ่อนชำระ โดยมีหนี้เฉลี่ยสูงกว่า 415,000 บาทต่อคน รวมทั้งลูกหนี้มักผ่อนจ่ายขั้นต่ำ (เกือบ 40%)

ทั้งนี้ สำหรับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้องทำอย่างครบวงจรให้เหมาะกับลักษณะและสาเหตุุของปัญหาในแต่ละช่วงของการเป็นหนี้ และต้องทำอย่างถูกหลักการ คือ แก้ให้ตรงจุด ไม่สร้างภาระเพิ่มให้ลูกหนี้ ไม่ลดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ และตั้งใจจริง ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และภาครัฐ โดยมีแนวทางการดำเนินการสำหรับลูกหนี้กลุ่มที่ต้องเร่งแก้ไข ดังนี้

  1. หนี้เสียที่มีอยู่ในปัจจุบัน : เร่งรัดการปรับโครงสร้างหนี้ตามมาตรการแก้หนี้ระยะยาว
    การกำหนดให้เจ้าหนี้ต้องมีบริการให้คำปรึกษาแก้หนี้ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ การสร้างตัวช่วยลูกหนี้ โดยให้มีคนกลางทำหน้าที่ให้คำแนะนำด้านการแก้หนี้และไกล่เกลี่ยหนี้ และการผลักดันให้มีกฎหมายที่ช่วยให้ลูกหนี้รายย่อยทั่วไปที่ไปต่อไม่ไหวได้เข้ากระบวนการฟื้นฟูหรือขอล้มละลายได้ด้วยตนเอง
  2. หนี้ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง : ให้ลูกหนี้เห็นทางปิดจบหนี้ได้ โดยจะผลักดันให้มีแนวทางแก้ไขปัญหา เริ่มจากหนี้บัตรกดเงินสดที่เป็นหนี้เรื้อรังของลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง มีอายุมากและมีปัญหาทางการเงินรุนแรงก่อน
  3. หนี้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นเร็วและอาจเป็นหนี้เสียหรือเรื้อรังในอนาคต : ธปท.จะออกเกณฑ์เพื่อให้เจ้าหนี้ปล่อยสินเชื่อด้วยความรับผิดชอบ (responsible lending) และกำหนดให้เจ้าหนี้ปล่อยสินเชื่อโดยคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายหนี้คืนและลูกหนี้ยังมีเงินเหลือพอดำรงชีพ (macroprudential policy) รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้เจ้าหนี้สินเชื่อรายย่อยคิดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้แต่ละราย (risk-based pricing) พร้อมผลักดันให้เจ้าหนี้อื่นเห็นพฤติกรรมดีของลูกหนี้ เพื่อกระตุ้นการรีไฟแนนซ์หนี้ไปยังดอกเบี้ยที่ถูกลง
  4. หนี้ที่ยังไม่อยู่ในตัวเลขหนี้ครัวเรือน อาทิ หนี้ กยศ. สินเชื่อสหกรณ์อื่น และหนี้นอกระบบ : จะมีการติดตามข้อมูลให้ครอบคลุมลูกหนี้ต่าง ๆ มากขึ้น และผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลต่าง ๆ ในการประเมินและติดตามสินเชื่อ อาทิ ข้อมูลพฤติกรรมการจ่ายเงิน เพื่อให้ลูกหนี้เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้นและด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ตรงตามความเสี่ยงของตน

โดย ธปท.จะเร่งผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนตามแนวทางที่วางไว้ ผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บังคับใช้ได้จริง เหมาะสมกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจการเงิน และสามารถดูแลหนี้ครัวเรือนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ภาคครัวเรือนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพการเงินในระยะยาว และภาคการเงินมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมรองรับการพัฒนาด้านดิจิทัลและการปรับตัวไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมได้. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบถ่ายรูป ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ

ทำเนียบ 3 ก.ค.- ชื่นมื่น! 14 รมต.ใหม่ เข้าทำเนียบฯ ตั้งแต่ช่วงเช้า ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ “อรรถกร” มาถึงคนแรก ปิดท้ายด้วย “นายกฯ แพทองธาร” เตรียมประชุม ครม. นัดพิเศษในช่วงบ่าย แบ่งงานรองนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐมนตรีใหม่ 14 คน ทยอยเดินทางมายังตึกสันติไมตรี เพื่อตรวจเอทีเค ถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีที่เดินทางมาเป็นคนแรก คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ และ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้น นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามด้วย นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่ในภาคเหนือ-อีสานตอนบน-ตะวันออก

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในรายภาค ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่างและเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง […]

กู้ร่างครบแล้ว เหตุไฟไหม้โรงงานทิชชู เสียชีวิต 10 ราย

สระบุรี 2 ก.ค. – เหตุไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู ในนิคมเหมราช จ.สระบุรี ล่าสุดพบร่างที่ 10 ซึ่งเป็นร่างสุดท้าย ถือว่าภารกิจการค้นหาสิ้นสุดแล้ว ปฏิบัติการค้นหาร่างผู้สูญหายกว่า 50 ชั่วโมง ยุติลงแล้ว หลังเกิดเพลิงไหม้อาคารบริษัทผลิตกระดาษทิชชู ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม ดับบลิว เอช เอ ซอย 8 อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ช่วงเที่ยงวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทีมกู้ชีพ กู้ภัยร่วมกตัญญู กู้ภัยสว่างรัตนตรัย และกู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับฝ่ายปกครอง และชุดค้นหาเร่งระดมสรรพกำลัง ปูพรมค้นหาร่างผู้สูญหาย 10 คน นำโดยนายสันทัศน์ รันดาเว นายอำเภอหนองแค ลงพื้นที่เกาะติดการค้นหาผู้สูญหาย ช่วง 10.30 น. มีรายงานจากทีมค้นหามูลนิธิร่วมกตัญญู แจ้งว่า ที่ชั้นบนของอาคารเกิดเหตุ พบร่างผู้สูญหายอีก 1 ร่าง อยู่ในสภาพเหลือแต่กระดูกบริเวณชั้นที่ 2 ฝั่งตะวันตกของโรงงาน ถือเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้รายที่ […]

เร่งคลี่คลายคดีโจรฉกเงิน-ทองคำ วัดม่วง

กทม. 2 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโจรวัดม่วง ลักเงินเจ้าอาวาส 10 ล้าน ทองคำ 250 บาท หายล่องหน ขณะที่อดีตพระคนสนิท เผยประตูกุฏิล็อกถึง 5 ชั้น เชื่อฝีมือคนใน พร้อมเรียกร้องตรวจสอบเงินบริจาควัด ความคืบหน้า เหตุคนร้ายย่องลักทรัพย์ เงิน 10 ล้าน-ทองคำหนัก 250 บาท ภายในกุฏิเจ้าอาวาส วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค วันนี้ชุดสืบสวนของ บก.ปปป. ร่วมกับชุดคลี่คลายคดีของ สน.เพชรเกษม เดินทางไปที่วัดม่วงเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เมื่อเดินทางไปที่กุฎิเจ้าอาวาส ปรากฏว่า กุฏิปิดเงียบล็อกกุญแจจากด้านหน้า ไร้เงาเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่ ปปป. จึงพยายามโทรไปหาเจ้าอาวาสแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่อดีตพระคนสนิทเจ้าอาวาสวัดม่วง เปิดเผยว่า หลังปรากฏข่าว เจ้าอาวาสได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความว่าเงินและทองคำภายในกุฏิหาย ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่ากุฏิดังกล่าวไม่มีรอยงัดแงะ และการจะเข้าไปภายในต้องผ่านประตูซึ่งล็อกถึง 5 ชั้น แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่บุคคลอื่นจะเข้าไปได้ มองว่าตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินไว้นั้นมีขนาดใหญ่ การจะนำทรัพย์สินภายในออกไปน่าจะทำได้ยาก […]