นนทบุรี 11 ก.พ.- รัฐมนตรีพาณิชย์แจ้งข่าวดีชาวนาเตรียมรับเงินประกันรายได้ข้าว งวด 18 รับส่วนต่าง 2 ชนิดข้าวที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวระหว่าง 4-10 ก.พ. 66 โดยจะเข้าบัญชีตรง 15 ก.พ.นี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจ่ายเงินโครงการประกันรายได้ข้าว สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 4 โดยราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 18 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 4-10 ก.พ. 66 ดังนี้
- 1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
- 2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,644.35 บาท ชดเชยตันละ 355.65 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,690.40 บาท
- 3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,135.11 บาท ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
- 4) ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,993.02 บาท ชดเชยตันละ 6.98 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 209.40 บาท
- 5) ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,550.07 บาท ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม มีเพียงข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่และ ข้าวเปลือกจ้าวเท่านั้นที่ได้รับเงินส่วนต่างในงวดนี้ ส่วนที่เหลือไม่ต้องชดเชย โดยจะจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์งวดที่ 18 ในวันที่ 15 ก.พ. 2566 นี้ มีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 5,744 ครัวเรือน และในจุรินทร์ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงประเด็นราคาปุ๋ย ที่มีเกษตรกรให้ความสนใจ
อย่างไรก็ตาม นอกจากราคาข้าวเปลือกโดยรวมจะปรับราคาขึ้นมาแล้ว ขณะนี้ ราคาปุ๋ยปรับลดลงมาด้วยเช่นกัน ยูเรีย ลดลง 25% สูตร 21-0-0 ที่เป็นปุ๋ยปาล์ม ลดลงถึง 30% เฉลี่ยในภาพรวมปุ๋ยทุกตัวลดถึง 13% และยังมีแนวโน้มปรับลดลงได้อีก ถ้าราคาน้ำมันกับแก๊สธรรมชาติลดลง ซึ่งแก๊สธรรมชาติเอามาทำปุ๋ย ถ้าแก๊สธรรมชาติแพงปุ๋ยจะราคาแพง และกระทรวงพาณิชย์ยังจัดโครงการช่วยกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์เป็นกรณีพิเศษหลายล็อตแล้ว ล่าสุดที่ดำเนินการขณะนี้ จัดโครงการปุ๋ย 2,500,000 กระสอบ เปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ สามารถจับคู่ซื้อปุ๋ยจากโรงงานโดยตรง กระทรวงจะเป็นผู้ประสานให้ในราคาพิเศษ จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยลดภาระราคาเรื่องปุ๋ยให้เกษตรกรโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์.-สำนักข่าวไทย