เอาจริงลักลอบพืช 3 หัวส่งฟันแล้ว 15 รายใช้“อมก๋อยโมเดล”ดึงราคา

นนทบุรี 7 ก.พ.-อธิบดีกรมการค้าภายในเอาจริงผู้ลักลอบนำเข้าพืช 3 หัว ย้ำ 2 ปีส่งดำเนินคดีไปแล้ว 15 ราย เตือนอย่าได้ลักลอบนำเข้าเด็ดขาด พร้อมใช้“อมก๋อยโมเดล”เข้ารับซื้อพืช 3 หัว ดันราคาให้สูงขึ้น ส่วนราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคส่วนใหญ่ทรงตัวและมีราคาเริ่มลดลง เช่น เนื้อหมูลดลง 2-4 % ไก่สดลดลง 3-4 % พร้อมขอบคุณผู้ผลิตสินค้าที่ช่วยตรึงสินค้าไว้ให้ได้นานสุดแม้ว่าต้นทุนยังอยู่ในระดับสูง


นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในช่วงปี 64-65 ที่ผ่านมาการกำกับดูแลการขนย้ายและการนำเข้าพืช 3 หัว เช่น หอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียม เพื่อไม่ให้นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามากดราคาในประเทศ โดยกรมฯร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสกัดจับผู้ลักลอบนำเข้าพืช 3 หัวมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งสามารถจับกุมรวม 15 ราย คิดเป็นปริมาณกว่า 384,000 ตัน หรือมีมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท รวมไปถึงยังสกัดการนำเข้ามะพร้าวอีก 5 ราย ได้ส่งผู้กระทำความผิดทำเนินคดีทางกฎหมายแล้วเช่นกัน โดยในส่วนมะพร้าว กรมฯได้ประกาศไปแล้ว ผู้ที่ต้องการขนย้ายมะพร้าวจะต้องทำเรื่องขออนุญาติก่อน และในปีนี้ กรมการค้าภายในยังจะเข้าไปดำเนินการรับซื้อพืช 3 หัว จากกลุ่มเกษตรกรเป็นการล่วงหน้าตั้งแต่ต้นฤดูกาลผลิต เพื่อเป็นหลักประกันให้กับพี่น้องเกษตรกรว่าจะมีตลาดรองรับผลผลิต สามารถขายสินค้าเกษตรได้ในเกณฑ์ดีตลอดฤดูกาล รวมทั้งเตรียมมาตรการต่างๆ รองรับและให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 

ทั้งนี้ มาตรการเชิงรุกในปี 65 ที่กรมฯ ได้ดำเนินการเชื่อมโยงผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกร ภายใต้มาตรการ “อมก๋อยโมเดล” ในปริมาณรวม 9,000 ตัน ประกอบด้วย หอมหัวใหญ่ 3,400 ตัน กระเทียม 5,400 หอมแดง 200 ตัน สามารถช่วยดึงราคาของพืช 3 หัว ให้อยู่ในราคาที่สูง โดยราคาปี 65 หอมหัวใหญ่ อยู่ที่ 12 บ./กก. สูงกว่าปี 64 ที่ 8.66 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 หอมแดง อยู่ที่ 9.50 บ./กก. สูงกว่าปี 64 ที่ 9 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และกระเทียม อยู่ที่ 14 บ./กก. สูงกว่าปี 64 11.54 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 


ในปี 66 นี้ คาดการณ์ว่าปริมาณผลผลิตในภาพรวมมีปริมาณรวม 257,135 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 65 ประมาณร้อยละ 10 แบ่งเป็น หอมหัวใหญ่ 36,479 ตัน หอมแดง 155,765 ตัน และกระเทียม 64,891 ตัน ซึ่งหอมหัวใหญ่และกระเทียมจะออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน กรมฯ ได้ขับเคลื่อนมาตรการ “อมก๋อยโมเดล” รับซื้อผลผลิตในราคานำตลาดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นฤดูกาลผลิต โดยผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายภาคเอกชน 16 ราย ประกอบด้วย ผู้รวบรวม ผู้ส่งออก ตลาดกลาง อาทิ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดศรีเมือง และตลาดล้านเมือง ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง อาทิ แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี เดอะมอลล์ และท็อปส์ สถานีให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิง อาทิ พีที PTT Station บางจาก และเชลล์ เข้ารับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกร โดยได้จัดให้มีพิธีลงนามสัญญาข้อตกลงมาตรฐาน และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การรับซื้อพืช 3 หัว (หอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียม) เพื่อเป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าตลอดฤดูกาล ภายใต้โครงการ “ขับเคลื่อนการบริหารจัดการพืช 3 หัว อมก๋อยโมเดล@เชียงใหม่” รับซื้อผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกร จำนวน 23 กลุ่ม 4 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน และศรีสะเกษ ปริมาณรับซื้อรวม 22,800 ตัน หอมหัวใหญ่ 7,300 ตัน หอมแดง 7,500 ตัน กระเทียม 8,000 ตัน รวมมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท 

รวมทั้งมีการ Kick off ปล่อยคาราวานหอมหัวใหญ่ ณ สหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่บ้านกาดพัฒนา จำกัด อ.แม่วางจ.เชียงใหม่ เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อปลายทางในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีความต้องการหอมหัวใหญ่ในปริมาณที่สูง ปัจจุบันเป็นช่วงต้นฤดูการผลิตราคาซื้อขายพืช 3 หัว ในตลาดอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก โดยราคาแบบสดหอมหัวใหญ่ ปีนี้อยู่ที่ 16 บ./กก. สูงกว่าปีที่แล้วที่ 12 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 หอมแดง ปีนี้อยู่ที่ 12 บ./กก. สูงกว่าปีที่แล้วที่ 9.50 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 และกระเทียม ปีนี้อยู่ที่ 16 บ./กก. สูงกว่าปีที่แล้วที่ 14 บ./กก. เพิ่มขึ้นร้อยละ14 โดยกรมฯยังได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการต่างๆ รองรับผลผลิตควบคู่กับมาตรการดูดซับผลผลิตพืช 3 หัวออกจากแหล่งผลิต อาทิ โครงการบริหารจัดการตลาดพืชหัว การสนับสนุนค่าบริหารจัดการคุณภาพและเชื่อมโยงกระจายผลผลิต การสนับสนุนค่าบริหารจัดการซื้อและรวบรวม การแปรรูปผลผลิตพืช 3 หัว เพื่อกระจายเข้าสู่ร้านอาหารและร้านค้าธงฟ้า 

นอกจากนี้ ในภาพรวมราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคนั้น โดยรวมถือว่ามีหลายรายการสินค้าลดลงและทรงตัวเป็นส่วนใหญ่ เช่น เรื้อหมูลดลง 2-4 % เฉลี่ยอยู่ที่ 149-168 บาทต่อกิโลกรัมไก่สดลดลง 3-4% หรือเฉลี่ย 54-75 บาทต่อตัว ชิ้นสวนไก่น่องติดสะโพก ราคาเฉลี่อยู่ที่กิโลกรัมละ 73 บาท /น่องติดสะโพกกิโลกรัมละ 76 บาท ขณะที่ไข่ไก่คละทั่วประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40-3.90 บาทต่อฟอง ราคาน้ำมันปาล์มขวดเฉลี่ยอยู่ที่ 45-47 บาท แม้ราคาส่วนใหญ่เริ่มลดลง แต่ต้นทุนที่ผู้ผลิตรับอยู่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สูง ดังนั้นกรมฯขอขอบคุณผู้ผลิตทุกรายที่ยังแบกรับต้นทุนเพื่อช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคมาได้ต่อเนื่อง แม้จะมีบางรายการสินค้าที่ต้องการปรับราคาขึ้น แต่กรมฯยังขอความร่วมมือที่จะช่วยให้ระดับราคาสินค้าไม่ให้สูงมากเกินไป


ส่วนราคาสินค้าประเภทข้าวบรรจุถุง อาจปรับราคาเพิ่มขึ้นไปบ้าง ถือเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากขณะนี้ ราคาข้าวเปลือกโดยรวมสูงขึ้น เช่น ข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ย 9,500-10,200 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเหนียว 11,500-12,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิเฉลี่ยอยู่ที่ 11,500 บาทต่อตัน ถือว่าเป็นช่วงที่เกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับราคาข้าวเปลือกที่ดีและสูงขึ้น แม้จะส่งผลให้ราคาข้าวบรรจุถุงเพิ่มขึ้นไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ราคายังอยู่ในเพดานที่กรมฯติดตามดูแลอยู่ ดังนั้น หากประชาชนพบเห็นราคาสินค้าที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีการติดป้ายแสดงราคาสินค้าที่ชัดเจนร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ได้ทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย