รัฐสภา 7 ก.พ. – กมธ.ไอซีที วุฒิสภา แนะรัฐบาล เร่งคลอด พ.ร.ก. ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ จับมือ 6 หน่วยงานรัฐ สกัด ซิมผี บัญชีม้า นายหน้าเถื่อน ดูแลเงินในบัญชีเงินฝากชาวบ้าน
พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคมวุฒิสภา (กมธ.ไอซีที) กล่าวว่า ที่ประชุม กมธ.ไอซีที วันนี้หารือเกี่ยวกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เตรียมเสนอร่าง พ.ร.ก. กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอ ครม. เร็วๆนี้ ขั้นตอนจากนั้นต้องเสนอ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พิจารณารับรอง ร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าว เพื่อเร่งแก้ปัญหาการหลอกลวงทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน
จากปัญหาในปัจจุบัน ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมาก จากปัญหา Call Center แชร์ลูกโซ่ ขายตรง มีการกระทำผิดทั้งการ ขายซิมผี บัญชีม้า นายหน้าเถื่อน ทำให้ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อร้องเรียนคดีออนไลน์ 800 คดีต่อวัน มูลค่าทางคดี 29,000 ล้านบาท เกิดความเสียทางเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่า ธปท. จะรับทราบความเสียหายอยากให้ระงับการโอนเงินหรือปิดกั้นบัญชีปลายทาง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีช่องทางกฎหมายให้ดำเนินการ กระทรวง DES จึงเสนอร่าง พ.ร.ก. ป้องกันอาชญากรรมทางทางไซเบอร์ ด้วยการดึง 6 หน่วยงานหลักมาร่วมกันทำงาน ประกอบด้วย DES , กระทรวงคลัง , มหาดไทย , กสทช. , ธปท., สตช. ร่วมกันทำงานให้เกิดความคล่องตัว
สาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.ก. ป้องกันอาชญากรรมทางทางไซเบอร์ เช่น การกำหนดมาตรการป้องกันการหลอกลวงให้มีการโอนเงิน ทั้งผ่านแอป และตู้เอทีเอ็ม กลุ่มมิจฉาชีพมักจะมุ่งกลุ่มชาวบ้านในต่างจังหวัด การกำหนดบทลงโทษ ผู้กระทำผิด เกี่ยวกับซิมผี บัญชีม้า นายหน้าเถื่อน ช่วงที่ผ่านมานายหน้ามักโพสท์ตามโซเชียล ให้เหยื่อมาช่วยเปิดบัญชีเงินฝาก รับค่าจ้าง 1,000-10,000 บาท ที่ประชุม กมธ.ไอซีที จึงแสดงความเห็นหลากหลายขอให้ ร่าง พ.ร.ก. กำหนดบทลงโทษหนักและชัดเจน
เมื่อสถาบันการเงิน พบเห็นพฤติกรรมการโอนเงินน่าสงสัย ควรระงับการทำธุรกรรมบัญชีเงินฝากชั่วคราว โดยเจ้าของบัญชีต้องไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน 48 ชั่วโมง เพื่อระงับบัญชี มองว่าอาจไม่ทันการณ์ต่อการกลอกลวง อีกทั้ง ระงับบัญชีปลายทาง หากผู้รับฝากเงินไม่มีความผิด ผู้เสียหาย ต้องเครียร์ตนเองภายใน 7 วัน ยอมรับว่ากระทบต่อการใช้เงินของชาวบ้าน ที่ประชุมเห็นด้วยเกี่ยวกับการห้ามเปิดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้อื่น การห้ามยืมซิมการ์ดมือถือ หากฝ่าฝืนโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 3 แสนบาท รวมถึงบทลงโทษด้านอื่นๆ
ที่ประชุม กมธ.ไอซีที วุฒิสภา จึงแสดงความเป็นห่วงขอให้เร่งพิจารณา พ.ร.ก. ดังกล่าว อีกทั้งการกำหนดบทลงโทษควรมีโทษนักและชัดเจน มองว่าอาจน้อยไป เพื่อให้ทันเหตุการณ์ มีการยึดทรัพย์ หยุดการหลอกลวง เพราะความผิดบางครั้งมูลค่าสูงมากหลายล้านบาท อีกทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อาจมีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวอย่างมากทุกฝ่ายจึงต้องเร่งนำมาตรการออกมาป้องกันความเสียหายของประชาชนอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย