กทม. 4 ก.พ.-ประธาน ส.อ.ท. เรียกร้องภาครัฐ แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน หวั่นกระทบเศรษฐกิจและท่องเที่ยว ชี้รณรงค์สวมแมสก์และขอความร่วมมือ WFH เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ช่วงนี้กรุงเทพฯ ปริมณทล รวมถึงหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน และ 1-2 วันที่ผ่านมาค่าฝุ่น PM 2.5 ในไทยสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ รวมถึงคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ จนกรุงเทพมหานครต้องขอความร่วมมือเอกชนให้ WFH หลังแนวโน้มฝุ่น PM 2.5 มีค่าสูงจนถึงระดับสีแดง ซึ่งภาคเอกชนก็พร้อมให้ความร่วมมือ แต่ขณะเดียวกันก็อยากให้ภาครัฐ เร่งแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างจริงจังและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในระยะยาว เพราะทุกคนทราบดีว่าในช่วงหน้าหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ประเทศไทยมักประสบปัญหาฝุ่น PM2.5 และนับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตนเห็นว่ารัฐก็ควรมีการวางแผนรับมือล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน เช่นที่เกิดขึ้นในช่วง 2 วันมานี้ และมีเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น รณรงค์ให้สวมแมสก์ที่กัน PM2.5 ได้ การขอความร่วมมือ WFH แต่ในระยะต่อไปหากยังไม่สามารถจัดการได้ ค่าฝุ่นที่เกินมาตรฐานจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด เนื่องจากปริมาณฝุ่น PM2.5 สูง ประชาชน work from home ลดกิจกรรมต่างๆ ทั้งเดินทาง การออกจากบ้าน การท่องเที่ยวจับจ่ายซื้อสินค้า ก็จะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจน้อยลง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังจะตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวไทยก็อาจจะชะลอไว้ก่อน หรืออาจจะเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศอื่นที่คุณภาพอากาศดีกว่าเมืองไทย
“ประเทศไทยเพิ่งฟื้นตัวจากโควิด และช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวต่างประเทศกำลังเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันกลับมีฝุ่น PM2.5 หนาแน่นจนเกินมาตรฐาน จึงเกรงว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจไปเที่ยวที่อื่นแทนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในที่ต่างๆของไทย” นายเกรียงไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย