กรุงเทพฯ 2 ก.พ. -เอกชนติดตามปัญหา ฝุ่น PM2.5 พร้อม WFH แจกหน้ากากป้องกันฝุ่น-ไวรัส ขายน้ำมันลดฝุ่นและส่งเสริมอีวี โดย กฟผ.เร่งเปิดสถานีชารจ์อีวีเปิดแล้ว 98 สถานีทั่วประเทศ เร่งขยับสู่เป้าหมาย 150 สถานี
จากการณี ประเทศไทยเกิดปัญหา ฝุ่น PM2.5 และทางกรุงเทพมหานครขอความร่วมมือเอกชนร่วมลดปัญหาฝุ่น และส่งเสริมการทำงานอยู่บ้าน( work from home )นั้น หน่วยงานต่างๆให้ความร่วมมือ เช่น ในส่วนของ บมจ.ปตท.มีการแจกหน้ากากที่ป้องกันPM2.5 และไวรัส โดยปัจจุบันเข้าที่ทำงาน 80 % อีก 20 %พนักงาน สามารถ work from anywhere และมีมาตรการหลัก คือการร่วมมือกับ กทม. ในการประกาศ WFH และเรื่องที่ภายใน ปตท.ดำเนินการต่อเนื่อง คือ หากวัดได้ว่ามีฝุ่น pm 2.5 เกินมาตรฐานเป็นเวลาต่อเนื่องกัน 3 วัน ทางหน่วยงานปลอดภัย( QSHE คิวชี) จะเตือนไปยัง HR เพื่อออกแนวทางว่าให้กลุ่มเสี่ยง เช่น ตั้งครรภ์หรือมีโรคประจำตัว สามารถ work from home ได้ ซึ่งในขณะนี้ถือว่า ฝุ่นเกินมาตรฐาน ติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่อีกหลายบริษัท ได้ใช้นโยบาย work from home ต่อเนื่องเช่น กรุงไทย 50 % IRPC และ GC ประมาณ 80 %
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน).กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ work from home แต่ร่วมเป็นภาคีกับกรุงเทพมหานคร ร่วมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดย เน้นการจำหน่ายน้ำมันลดฝุ่น น้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 การใช้ อีวีคาร์ อีวีบัสในพื้นที่โรงกลั่น และการใช้งานของบริษัท รวมทั้งส่งเสริมจักรยานยนต์ไฟฟ้า อีวี ชาร์จจิ้ง
“บางจากฯมีการ เหลื่อมเวลาเข้างานและเชิญชวนให้พนักงานใช้บริการรถสาธารณะส่วนพนักงานที่ต้อง WfH จากสภาวะฝุ่น (อาการแพ้ ฯลฯ) ก็สามารถทำได้ มีการส่ง ใช้ Car Pool,รถ EV และอีกหลายโครงการ เช่น วินโนหนี้แพลตฟอร์มให้เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า , EV Charging Stations ในปั๊มบางจาก และ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและดูดซับฝุ่นด้วยการปลูกต้นไม้ ร่วมกับชุมชนในพื้นที่”นางกลอยตากล่าว
ด้าน การไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ระบุพร้อมร่วมมือ กทม.ดำเนินภารกิจต่าง ๆ ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด พร้อมขับเคลื่อนมาตรการเพื่อร่วมลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 อาทิ การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในองค์กร ขยายผลสู่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารับจ้างในพื้นที่อำเภอบางกรวย จ.นนทบุรี ติดตั้งและให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าไฟฟ้า ร่วมกับพันธมิตร ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองและตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่นSensor for All รวมเครือข่าย 1,262 จุดทั่วประเทศ การพัฒนานวัตกรรมต้นไม้ฟอกอากาศ (city tree) รวมถึงนโยบายการทำงาน Work From Anywhere เพื่อลดการเดินทาง เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน กฟผ.ขยายการบริการสถานีชาร์จอีวี ล่าสุด เปิดสถานีชาร์จ EleX by EGAT เต็มรูปแบบแห่งแรกของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ Smart City มุ่งพัฒนาแม่ฮ่องสอนสู่เมืองท่องเที่ยวสีเขียว พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ
นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. กล่าวว่า สถานีชาร์จแห่งนี้จะช่วยสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจและเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้ใช้รถ EV ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนสู่เมืองอัจฉริยะด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Smart City) อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (EGAT Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 สถานีชาร์จแห่งนี้รองรับการใช้งาน 2 ช่องจอด ประกอบด้วยเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จเร็ว (DC Fast Charge) ขนาด 125 กิโลวัตต์ 2 หัวชาร์จ และเครื่องอัดประจุไฟฟ้าแบบชาร์จด้วยความเร็วปกติ (AC Normal Charge) ขนาด 22 กิโลวัตต์ 1 หัวชาร์จ สามารถใช้งานได้ผ่านแอปพลิเคชัน EleXA
นอกจากนี้ กฟผ. ได้ก่อสร้างสถานีชาร์จ EleX by EGAT ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อเตรียมรองรับผู้เดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ผ่านทางอำเภอปายมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตลอดจนรองรับขนส่งสาธารณะไฟฟ้าเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน ที่จะเปิดให้บริการในอนาคตด้วย ปัจจุบัน กฟผ. เปิดให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT พร้อมสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXA แล้ว 98 สถานีทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จ EleX by EGAT สู่ 150 สถานีภายในสิ้นปี 2566 เพื่อรองรับผู้ใช้รถ EV ให้สะดวก มั่นใจทุกการเดินทาง.-สำนักข่าวไทย