กรุงเทพฯ 31 ม.ค. – KKP เผยแผนปี 2566 เติบโตสินเชื่ออย่างระมัดระวัง เร่งขยายฐานลูกค้าการออม-การลงทุนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล Edge และ Dime ตั้งเป้าสินเชื่อรวม 13%
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) เผยสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2566 ยังคงมีความน่ากังวลในเรื่องเงินเฟ้อสูงดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งส่งผลกระทบในทุกอุตสาหกรรม ทำให้แนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เป็นการเติบโตอย่างระมัดระวัง โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าสินเชื่อในกลุ่มที่มีศักยภาพ และผลักดันการเข้าถึงที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการออมและการลงทุนของกลุ่มธุรกิจฯ ทั้ง Edge (เอดจ์) และ Dime (ไดม์) ในส่วนผลประกอบการสำหรับปี 2565 สามารถสร้างรายได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่รายได้สินเชื่อโตทุกประเภท โดยปี 2566 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมไว้ที่ร้อยละ 13
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า จากสำนักวิจัยของกลุ่มธุรกิจฯ KKP Research วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังมีความเสี่ยงจากเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้นและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยที่จะส่งผลกระทบในวงกว้างและอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อ จึงดำเนินแผนธุรกิจสำหรับปี 2566 เป็นการเติบโตแบบระมัดระวัง โดยเลือกขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อบ้าน และต่อยอดการเชื่อมโยงธุรกิจของกลุ่มฯ ผ่านการขายขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้อง (cross-selling) นอกจากนั้น กลุ่มธุรกิจฯ ยังมุ่งเดินหน้าใช้แพลตฟอร์มการออมและการลงทุนดิจิทัลของกลุ่มอย่างเต็มศักยภาพ ทั้ง Dime (ไดม์) และ Edge (เอดจ์) ที่จะเปิดตัวในระยะต่อไป โดยปัจจุบันแอปพลิเคชัน Dime มีผู้ดาวน์โหลดแล้วกว่า 100,000 ราย และจะมีการจับมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนาฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร สำหรับปี 2565 มีกำไรสุทธิ 7,602 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีผลประกอบการดีเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ21.4 จากการขยายตัวในสินเชื่อทุกประเภท ด้านธุรกิจตลาดทุน ยังคงความสามารถในการสร้างรายได้ที่ดี โดยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งของตลาด สำหรับธุรกิจการจัดการกองทุนก็มีรายได้เพิ่มขึ้นส่วนธุรกิจการลงทุนยังคงเติบโตได้ดีจากฝ่ายค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Equity and Derivative Trading) ที่ทำกำไรได้ดีในสภาวะผันผวน ด้านวานิชธนกิจมีรายได้ในระดับที่ดีจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ในขณะที่ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) ปัจจุบันมีปริมาณทรัพย์สินภายใต้คำแนะนำ (Asset Under Advice, AUA) อยู่ที่กว่า 7 แสนล้านบาท.-สำนักข่าวไทย