กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เผย ปี 2565 ตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นตัว แต่ไม่ได้มาจากต่างชาติ ขณะที่ปีนี้มีแนวโน้มโตขึ้นอีกร้อยละ 10
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยว่า ปี 2565 มีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ทั้งหมด 429 โครงการ เป็นโครงการประเภทที่อยู่อาศัย 421 โครงการ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆอีก 8 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายในตลาดรวม 107,183 หน่วย มูลค่าการพัฒนารวม 474,596 ล้านบาท และมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยที่ 4.428 ล้านบาท ขณะนี้ยังมีจำนวนเหลือขายในตลาด 218,846 หน่วย โดยเป็นห้องชุดร้อยละ 39 ทาวน์เฮาส์ร้อยละ 34 บ้านเดี่ยวร้อยละ 16 และบ้านแฝด ร้อยละ9
ในปี 2565 ต่างชาติกลับมาซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 4,203 หน่วย จากการขายทั้งหมด 5 1,093 หน่วย หรือประมาณ ร้อยละ8 รวมมูลค่า 20,364 ล้านบาท จากมูลค่าที่ขายทั้งหมด 183,910ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 11 จึงคาดว่าปีนี้ ต่างชาติจะกลับมาซื้อตามสัดส่วนเดิมก่อนโควิดระบาดคือร้อยละ 15%
อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของต่างชาติคงไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้เท่าที่ควร เนื่องจากจำนวนที่อยู่อาศัยโดยรวมที่ต่างชาติซื้อ(รวมแนวราบ) มีสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 3 ดังนั้นความพยายามที่จะให้ต่างชาติซื้อบ้านจึงเป็นเพียง “ต่างชาติสีเทา” ได้มีโอกาสซื้อที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้องเท่านั้น
ส่วนแนวโน้ม ปี 2566 คาดว่าตลาดอสังหาฯจะเติมโตขึ้นอีกประมาณร้อยละ 10 จำนวนหน่วยขายในตลาดรวม 115,000 หน่วย และปี 2567 จะโตขึ้นอีกร้อยละ 5 โดยมีปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมี Real Demand และกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อม และการเปิดประเทศ การดึงดูดกำลังซื้อต่างชาติ ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยลบคือ ภาวะสงครามรัซเซีย-ยูเครน หนี้ครัวเรือน- ภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ต้นทุนการพัฒนาโครงการสูงขึ้น ดอกเบี้ยขาขึ้น และมาตรการ LVT ล่าสุด อย่างไรก็ตามปีนี้ราคาบ้านจะเท่ากับปีที่ผ่านมา คือเฉลี่ยประมาณ 4.6 ล้านบาท แม้ว่าราคาต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้น
“การเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2565 เกือบเท่ากับปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด แสดงว่าตลาดที่อยู่อาศัยของกรุงเทพฯและปริมณฑลฟื้นตัวแล้ว และเป็นการฟื้นตัวโดยไม่ได้อาศัยกำลังซื้อจากต่างชาติ แต่ขณะเดียวกันจำนวนเหลือขายของปีที่แล้ว ที่มีมากกว่า 2 แสนหน่วย ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลว่า ในปี 2568 จะเกิดปัญหา อสังหาริมทรัพย์ล้นตลาด และอาจจะทำให้ราคาโครงการจัดสรรตกลงเล็กน้อย” นายโสภณกล่าว.-สำนักข่าวไทย