รฟท.พร้อมอำนวยความสะดวกผู้โดยสารขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวน

กรุงเทพฯ 19 ม.ค.-รฟท. พร้อมอำนวยความสะดวกและบริการผู้โดยสารขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวน วันนี้ปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทาง มาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์


การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมแล้ว สำหรับอำนวยความสะดวกและบริการผู้โดยสารขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวนโดยขบวนรถไฟทางไกลทั้ง 52 ขบวนจะเป็นกลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว ที่จะเปลี่ยนสถานีต้นทาง ปลายทาง มาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นั้น ประกอบด้วย  สายเหนือ  14 ขบวน /สายตะวันออกเฉียงเหนือ 18 ขบวน /และ สายใต้ 20 ขบวน ส่วนขบวนรถธรรมดายังใช้สถานีต้นทาง-ปลายทางที่หัวลำโพงเช่นเดิม

ขณะที่ ขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ ในเวลา 13.19 น. เป็นขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA  เพื่อการท่องเที่ยวต้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางสถานีอยุธยา ซึ่งวันนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางมาขึ้นขบวนรถไฟเที่ยวนี้ด้วย และมีข้อย้ำเตือนกันอีกสักนิด  สำหรับขบวนรถไฟทางไกลทั้ง 52 ขบวน ที่มีการปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางในวันนี้หากเป็นรถออกจากต้นทางต่างจังหวัด และขบวนที่มี สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนเวลา 13:00 น. จะยังใช้สถานีต้นทางและปลายทางที่หัวลำโพงเช่นเดิม และตั้งแต่หลังเวลา13:00 น. เป็นต้นไปจะเปลี่ยนมาใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์


ขณะที่ 4.จุดรอรถเมล์ ประตู10 มาถึงแล้วไม่ต้องกังวล สำหรับประชาชนที่จะเดินทางต่อไปยังจุดต่างๆ เพราะทาง การรถไฟ ประสาน ขสมก เดินรถ Shuttle Bus และรถเฉพาะกิจ ให้บริการฟรี 2 เส้นทาง จาก “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์- สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)” จำนวน 6 คัน และยังจัดเดินรถเฉพาะกิจให้บริการฟรี เส้นทางปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่าง สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟสามเสน สถานีรถไฟโรงพยาบาลรามาธิบดี สถานีรถไฟยมราช และ (หัวลำโพง) มีทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 10 คัน เฉพะวันนี้ตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น. ส่วนวันต่อๆไป  จัดเดินรถโดยสาร ตั้งแต่เวลา 04.30 – 23.00 น. โดยมีความถี่ในการปล่อยรถ ทุก ๆ 15 นาที

ทั้งนี้ ทางเข้าประตู 4 ของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งผู้โดยสารที่จะใช้บริการรถไฟทางไกล จะต้องเข้ามาที่ประตูนี้หลายคนมาแล้ว แล้วจะเข้ามาเจอกับจุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่มีมากกว่า 20 ช่อง เมื่อซื้อตั๋วแล้วก็เดินเข้าไปด้านในซึ่งจะมีจุดพักคอยให้ผู้โดยสารนั่งพักตากแอร์รออยู่ที่ชั้นนี้ โดยก่อนถึงเวลาขบวนออกประมาณ 20 นาทีก็จะเปิดให้ขึ้นไปรอข้างบนรถไฟที่ชานชาลา ซึ่งอยู่บริเวณชั้นสามของสถานี โดยส่วนใครเข้ามา กลัวจะไปไม่ถูกก ไม่ต้องกังวลเพราะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดินรถ ของการรถไฟฯ และฝ่ายประชาสัมพันธ์ สังเกตุเสื้อสีแดงๆ จะมาคอยช่วยให้แนะนำการเดินทาง

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังเตรียมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ทั้งรถเข็นสัมภาระ เก้าอี้วีลแชร์ ป้ายบอกทาง ลานจอดรถ เพื่อรองรับการใช้บริการที่สะดวกสบาย ปลอดภัย คลอบคลุมสำหรับผู้ใช้บริการทุกเพศ ทุกวัย  ส่วนผู้โดยสารขาเข้า ลงจากชานชาลาแล้วจะออกไปต่อรถ ใช้ประตู 10 ของสถานี  โดยการรถไฟ ประสาน ขสมก จัดเดินรถ Shuttle Bus และรถเฉพาะกิจ ให้บริการฟรี 2 เส้นทาง โดยจัด shuttle bus 6 คัน วิ่งตรงจาก “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – หัวลำโพง” /ส่วนรถเฉพาะกิจ อีก 10 คัน ให้บริการฟรี เส้นทางปกติ เชื่อมต่อ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟสามเสน สถานีรถไฟโรงพยาบาลรามาธิบดี สถานีรถไฟยมราช และ (หัวลำโพง) มีทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู เฉพาะวันนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น. ส่วนตั้งแต่วันพรุ่งนี้   จัดเดินรถโดยสาร ตั้งแต่เวลา 04.30 – 23.00 น. ปล่อยรถ ทุก ๆ 15 นาที


อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ย้ำความจำเป็นในการย้ายรถไฟทางไกล เพื่อแก้ปัญหาการจราจรพื้นที่ชั้นในของ กรุงเทพฯลดปัญหาจราจรติดขัดและอุบัติเหตุจุดตัดทางรถไฟรถยนต์ เพราะรถไฟทุกขบวน จะวิ่งบนโครงสร้างทางยกระดับ เช่นเดียวกับรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต ตั้งแต่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จนถึงสถานีดอนเมือง จะไม่มีขบวนรถโดยสารวิ่งระดับพื้นดิน ทำให้ขบวนรถไฟสามารถเดินตรงตามเวลาได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ขบวนรถเที่ยวปฐมฤกษ์ 13.19 น เป็นขบวนรถนำเที่ยว ปลายทาง สถานีอยุธยา ส่วนขบวนรถโดยสารเที่ยวแรก คือ ขบวนรถเร็วที่ 171 กรุงเทพ – สุไหงโกลก เวลา ประชาชนบางส่วนมารอขึ้นรถไฟกันแล้ว บอกว่าสถานีกลางกรุงเทพวิวัฒน์ เมื่อเทียบกับสถานีหัวลำโพง มีความสะดวกสบาย กว้างขวาง ไม่แออัด

นายศักดิ์สยามกล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และปล่อยขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – ที่หยุดรถมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) ว่า  ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.66 เป็นต้นไป รฟท. จะย้ายการให้บริการขบวนรถไฟทางไกลทั้ง สายเหนือ สายอีสาน แบะ สายใต้ รวมกว่า 52 ขบวนมาเปิดให้บริการ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งนี้การย้ายดังกล่าวเนื่องจากรัฐบาลได้สร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ขึ้น ใช้งบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อใช้ให้ประสิทธิภาพ จึงมีนโยบายที่จะพัฒนาและเพิ่มขึดความสามารถ รวมถึงเพื่อลดภาระความแออัดการให้บริการของสถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพง และลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครบริเวณจุดตัดทางรถไฟ รวมทั้งลดปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อมPM 2.5 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถไฟให้มีความตรงต่อเวลามากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขบวนรถไฟธรรมดา รถไฟชานเมือง และขบวนรถไฟนำเที่ยว จำนวน 62 ขบวน จะยังคงให้บริการที่สถานีต้นทางและสถานีปลายทางที่สถานีหัวลำโพงตามเดิม

“ขณะนี้ ให้ รฟท . และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไปสำรวจความพึงพอใจการให้บริการ ทั้งที่สถานีกลางบางซื่อ และ การให้บริการรถชัทเตอร์บัส รอบสถานี เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเพื่อตอบโจทย์การให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การให้บริการเน้นย้ำการขนถ่ายสัมภาระ ให้เตรียมพร้อมบริการประชาชนอย่างสะดวก เข่นรถเข็นหรือ จุดรับฝากสัมภาระ และสิ่งอำนวยความสะดวกประขาขน ทั้งร้านอาหารเครื่องดื่ม ให้พร้อม ในระหว่างที่ดำเนินการประมูลพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตามข่วงนี้เป็นข่วงเปลี่ยนผ่าน รฟท. ต้องสร้าง ความรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้ใช้บริการรวมถึงภาคส่วนต่างๆ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลา แต่ รฟท. ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกช่องทางเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการให้บริการที่ดีขึ้นและมีคุณภาพ”นายศักดิ์สยามกล่าว

ทั้งนี้ ในการเปิดให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จะเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล ณ บริเวณประตู 4 ชั้น 2 จำนวน 8 ชานชาลา รวม 52 ขบวน แบ่งเป็น รถไฟสายเหนือ 14 ขบวน รถไฟสายใต้ 20 ขบวน และรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ 18 ขบวน โดยในวันนี้ (19 มกราคม 2566) มีขบวนรถไฟเข้า-ออก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จำนวน 27  ขบวน แบ่งเป็น สายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ขาออก จำนวน 10 ขบวน ขาเข้า จำนวน 7 ขบวน และรถไฟสายใต้ ขาเข้า จำนวน 1 ขบวน ขาออก จำนวน 9 ขบวน

นอกจากนั้นทาง รฟท.ยังได้คาดการณ์ว่า ภายหลังการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล จะส่งผลให้มีผู้ใช้บริการสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เพิ่มขึ้นอีก 10,000 คนต่อวัน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมได้มีมาตรการรองรับและมีความพร้อมในการให้บริการแก่ผู้โดยสารรถไฟทางไกล ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งป้ายบอกทาง จุดพักคอยผู้โดยสาร รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) จัดรถโดยสารปรับอากาศให้บริการเส้นทางระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และสถานีหัวลำโพง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีความถี่ทุก ๆ 30 นาที หรือตามจำนวนเที่ยวที่ขบวนรถไฟมาถึงสถานี และการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ ได้แก่ รถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อการเดินทางทางอากาศผ่านระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยการดำเนินงานในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ตรงต่อเวลา ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งเป็นการพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางรางของประเทศในระยะยาว

สำหรับผู้ที่จะมาใช้บริการรถไฟที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นั้น ขบวนรถไฟสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกขบวน ได้ปรับมาใช้การเดินรถบนโครงสร้างทางยกระดับเช่นเดียวกับรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) ตั้งแต่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จนถึงสถานีดอนเมือง โดยยกเลิกการให้บริการรับ – ส่ง ผู้โดยสารป้ายหยุดรถไฟ กม.11 สถานีบางเขน ที่หยุดรถไฟทุ่งสองห้อง สถานีหลักสี่ และที่หยุดรถการเคหะ กม.19 ซึ่งผู้ใช้บริการขบวนรถด่วนพิเศษรถด่วน รถเร็ว รถธรรมดา และตั๋วเดือน สามารถใช้ตั๋วโดยสารเข้าใช้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภายในระยะเวลา 1 ปี ตามเงื่อนไขที่ระบุบนตั๋วโดยสาร ส่วนขบวนรถไฟธรรมดา รถไฟชานเมือง และขบวนรถไหนำเที่ยว จำนวน 62 ขบวน ยังคงให้บริการที่สถานีต้นทางและสถานีปลายทางที่สถานีหัวลำโพงตามเดิม

ปัจจุบันสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – ตลิ่งชัน) และรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) เพื่อยกระดับคุณภาพในการให้บริการของรถไฟชานเมือง ในการบริการขนส่งผู้โดยสารที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองให้สามารถเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งเชื่อมโยงการเดินทางไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศด้วยการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และในอนาคตเตรียมเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง 

นอกจากนี้  รฟท. ยังมีแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตามหลักการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) โดยพัฒนาเมืองควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่งทางรางของประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการอย่างบูรณาการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ โดยแผนล่าสุดทาง รฟท. และบริษัท  เอสอาร์ที แอสเสทจำกัด หรือ เอสอาร์ทีเอ ซึ่งเป็นบริษัทลูก รฟท. เพื่อบริหารสินทรัพย์ รฟท. อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในปี66 ซึ่งตามแผนจะนำพื้นที่ แปลง เอ และ แปลง  อี นำมาเปิดประมูลก่อน

สำหรับการพัฒนาเป็นจุดเชื่อมต่อขบวนรถไฟทางไกล และรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยกระทรวงคมนาคมมีแผนการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้แก่นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมาใช้บริการของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายและการคมนาคมบริเวณพื้นที่รังสิต เป็นไปด้วยความสะดวก ปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในภาพรวม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]