รฟท.พร้อมอำนวยความสะดวกผู้โดยสารขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวน

กรุงเทพฯ 19 ม.ค.-รฟท. พร้อมอำนวยความสะดวกและบริการผู้โดยสารขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวน วันนี้ปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทาง มาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์


การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมแล้ว สำหรับอำนวยความสะดวกและบริการผู้โดยสารขบวนรถไฟทางไกล 52 ขบวนโดยขบวนรถไฟทางไกลทั้ง 52 ขบวนจะเป็นกลุ่มขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว ที่จะเปลี่ยนสถานีต้นทาง ปลายทาง มาที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นั้น ประกอบด้วย  สายเหนือ  14 ขบวน /สายตะวันออกเฉียงเหนือ 18 ขบวน /และ สายใต้ 20 ขบวน ส่วนขบวนรถธรรมดายังใช้สถานีต้นทาง-ปลายทางที่หัวลำโพงเช่นเดิม

ขณะที่ ขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ ในเวลา 13.19 น. เป็นขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศ KIHA  เพื่อการท่องเที่ยวต้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปลายทางสถานีอยุธยา ซึ่งวันนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางมาขึ้นขบวนรถไฟเที่ยวนี้ด้วย และมีข้อย้ำเตือนกันอีกสักนิด  สำหรับขบวนรถไฟทางไกลทั้ง 52 ขบวน ที่มีการปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางในวันนี้หากเป็นรถออกจากต้นทางต่างจังหวัด และขบวนที่มี สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ก่อนเวลา 13:00 น. จะยังใช้สถานีต้นทางและปลายทางที่หัวลำโพงเช่นเดิม และตั้งแต่หลังเวลา13:00 น. เป็นต้นไปจะเปลี่ยนมาใช้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์


ขณะที่ 4.จุดรอรถเมล์ ประตู10 มาถึงแล้วไม่ต้องกังวล สำหรับประชาชนที่จะเดินทางต่อไปยังจุดต่างๆ เพราะทาง การรถไฟ ประสาน ขสมก เดินรถ Shuttle Bus และรถเฉพาะกิจ ให้บริการฟรี 2 เส้นทาง จาก “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์- สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)” จำนวน 6 คัน และยังจัดเดินรถเฉพาะกิจให้บริการฟรี เส้นทางปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่าง สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟสามเสน สถานีรถไฟโรงพยาบาลรามาธิบดี สถานีรถไฟยมราช และ (หัวลำโพง) มีทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน 10 คัน เฉพะวันนี้ตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น. ส่วนวันต่อๆไป  จัดเดินรถโดยสาร ตั้งแต่เวลา 04.30 – 23.00 น. โดยมีความถี่ในการปล่อยรถ ทุก ๆ 15 นาที

ทั้งนี้ ทางเข้าประตู 4 ของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งผู้โดยสารที่จะใช้บริการรถไฟทางไกล จะต้องเข้ามาที่ประตูนี้หลายคนมาแล้ว แล้วจะเข้ามาเจอกับจุดจำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่มีมากกว่า 20 ช่อง เมื่อซื้อตั๋วแล้วก็เดินเข้าไปด้านในซึ่งจะมีจุดพักคอยให้ผู้โดยสารนั่งพักตากแอร์รออยู่ที่ชั้นนี้ โดยก่อนถึงเวลาขบวนออกประมาณ 20 นาทีก็จะเปิดให้ขึ้นไปรอข้างบนรถไฟที่ชานชาลา ซึ่งอยู่บริเวณชั้นสามของสถานี โดยส่วนใครเข้ามา กลัวจะไปไม่ถูกก ไม่ต้องกังวลเพราะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดินรถ ของการรถไฟฯ และฝ่ายประชาสัมพันธ์ สังเกตุเสื้อสีแดงๆ จะมาคอยช่วยให้แนะนำการเดินทาง

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังเตรียมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ทั้งรถเข็นสัมภาระ เก้าอี้วีลแชร์ ป้ายบอกทาง ลานจอดรถ เพื่อรองรับการใช้บริการที่สะดวกสบาย ปลอดภัย คลอบคลุมสำหรับผู้ใช้บริการทุกเพศ ทุกวัย  ส่วนผู้โดยสารขาเข้า ลงจากชานชาลาแล้วจะออกไปต่อรถ ใช้ประตู 10 ของสถานี  โดยการรถไฟ ประสาน ขสมก จัดเดินรถ Shuttle Bus และรถเฉพาะกิจ ให้บริการฟรี 2 เส้นทาง โดยจัด shuttle bus 6 คัน วิ่งตรงจาก “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – หัวลำโพง” /ส่วนรถเฉพาะกิจ อีก 10 คัน ให้บริการฟรี เส้นทางปกติ เชื่อมต่อ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สถานีรถไฟสามเสน สถานีรถไฟโรงพยาบาลรามาธิบดี สถานีรถไฟยมราช และ (หัวลำโพง) มีทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศยูโรทู เฉพาะวันนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น. ส่วนตั้งแต่วันพรุ่งนี้   จัดเดินรถโดยสาร ตั้งแต่เวลา 04.30 – 23.00 น. ปล่อยรถ ทุก ๆ 15 นาที


อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯ ย้ำความจำเป็นในการย้ายรถไฟทางไกล เพื่อแก้ปัญหาการจราจรพื้นที่ชั้นในของ กรุงเทพฯลดปัญหาจราจรติดขัดและอุบัติเหตุจุดตัดทางรถไฟรถยนต์ เพราะรถไฟทุกขบวน จะวิ่งบนโครงสร้างทางยกระดับ เช่นเดียวกับรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต ตั้งแต่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จนถึงสถานีดอนเมือง จะไม่มีขบวนรถโดยสารวิ่งระดับพื้นดิน ทำให้ขบวนรถไฟสามารถเดินตรงตามเวลาได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ขบวนรถเที่ยวปฐมฤกษ์ 13.19 น เป็นขบวนรถนำเที่ยว ปลายทาง สถานีอยุธยา ส่วนขบวนรถโดยสารเที่ยวแรก คือ ขบวนรถเร็วที่ 171 กรุงเทพ – สุไหงโกลก เวลา ประชาชนบางส่วนมารอขึ้นรถไฟกันแล้ว บอกว่าสถานีกลางกรุงเทพวิวัฒน์ เมื่อเทียบกับสถานีหัวลำโพง มีความสะดวกสบาย กว้างขวาง ไม่แออัด

นายศักดิ์สยามกล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และปล่อยขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – ที่หยุดรถมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) ว่า  ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.66 เป็นต้นไป รฟท. จะย้ายการให้บริการขบวนรถไฟทางไกลทั้ง สายเหนือ สายอีสาน แบะ สายใต้ รวมกว่า 52 ขบวนมาเปิดให้บริการ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งนี้การย้ายดังกล่าวเนื่องจากรัฐบาลได้สร้างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ขึ้น ใช้งบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อใช้ให้ประสิทธิภาพ จึงมีนโยบายที่จะพัฒนาและเพิ่มขึดความสามารถ รวมถึงเพื่อลดภาระความแออัดการให้บริการของสถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพง และลดปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครบริเวณจุดตัดทางรถไฟ รวมทั้งลดปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อมPM 2.5 และเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถไฟให้มีความตรงต่อเวลามากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ขบวนรถไฟธรรมดา รถไฟชานเมือง และขบวนรถไฟนำเที่ยว จำนวน 62 ขบวน จะยังคงให้บริการที่สถานีต้นทางและสถานีปลายทางที่สถานีหัวลำโพงตามเดิม

“ขณะนี้ ให้ รฟท . และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไปสำรวจความพึงพอใจการให้บริการ ทั้งที่สถานีกลางบางซื่อ และ การให้บริการรถชัทเตอร์บัส รอบสถานี เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเพื่อตอบโจทย์การให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การให้บริการเน้นย้ำการขนถ่ายสัมภาระ ให้เตรียมพร้อมบริการประชาชนอย่างสะดวก เข่นรถเข็นหรือ จุดรับฝากสัมภาระ และสิ่งอำนวยความสะดวกประขาขน ทั้งร้านอาหารเครื่องดื่ม ให้พร้อม ในระหว่างที่ดำเนินการประมูลพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตามข่วงนี้เป็นข่วงเปลี่ยนผ่าน รฟท. ต้องสร้าง ความรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้ใช้บริการรวมถึงภาคส่วนต่างๆ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลา แต่ รฟท. ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกช่องทางเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการให้บริการที่ดีขึ้นและมีคุณภาพ”นายศักดิ์สยามกล่าว

ทั้งนี้ ในการเปิดให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จะเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล ณ บริเวณประตู 4 ชั้น 2 จำนวน 8 ชานชาลา รวม 52 ขบวน แบ่งเป็น รถไฟสายเหนือ 14 ขบวน รถไฟสายใต้ 20 ขบวน และรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ 18 ขบวน โดยในวันนี้ (19 มกราคม 2566) มีขบวนรถไฟเข้า-ออก สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จำนวน 27  ขบวน แบ่งเป็น สายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ขาออก จำนวน 10 ขบวน ขาเข้า จำนวน 7 ขบวน และรถไฟสายใต้ ขาเข้า จำนวน 1 ขบวน ขาออก จำนวน 9 ขบวน

นอกจากนั้นทาง รฟท.ยังได้คาดการณ์ว่า ภายหลังการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล จะส่งผลให้มีผู้ใช้บริการสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เพิ่มขึ้นอีก 10,000 คนต่อวัน ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมได้มีมาตรการรองรับและมีความพร้อมในการให้บริการแก่ผู้โดยสารรถไฟทางไกล ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งป้ายบอกทาง จุดพักคอยผู้โดยสาร รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) จัดรถโดยสารปรับอากาศให้บริการเส้นทางระหว่างสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และสถานีหัวลำโพง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีความถี่ทุก ๆ 30 นาที หรือตามจำนวนเที่ยวที่ขบวนรถไฟมาถึงสถานี และการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ ได้แก่ รถไฟชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อการเดินทางทางอากาศผ่านระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยการดำเนินงานในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ตรงต่อเวลา ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งเป็นการพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทางรางของประเทศในระยะยาว

สำหรับผู้ที่จะมาใช้บริการรถไฟที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นั้น ขบวนรถไฟสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกขบวน ได้ปรับมาใช้การเดินรถบนโครงสร้างทางยกระดับเช่นเดียวกับรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) ตั้งแต่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จนถึงสถานีดอนเมือง โดยยกเลิกการให้บริการรับ – ส่ง ผู้โดยสารป้ายหยุดรถไฟ กม.11 สถานีบางเขน ที่หยุดรถไฟทุ่งสองห้อง สถานีหลักสี่ และที่หยุดรถการเคหะ กม.19 ซึ่งผู้ใช้บริการขบวนรถด่วนพิเศษรถด่วน รถเร็ว รถธรรมดา และตั๋วเดือน สามารถใช้ตั๋วโดยสารเข้าใช้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ภายในระยะเวลา 1 ปี ตามเงื่อนไขที่ระบุบนตั๋วโดยสาร ส่วนขบวนรถไฟธรรมดา รถไฟชานเมือง และขบวนรถไหนำเที่ยว จำนวน 62 ขบวน ยังคงให้บริการที่สถานีต้นทางและสถานีปลายทางที่สถานีหัวลำโพงตามเดิม

ปัจจุบันสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เปิดให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – ตลิ่งชัน) และรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – รังสิต) เพื่อยกระดับคุณภาพในการให้บริการของรถไฟชานเมือง ในการบริการขนส่งผู้โดยสารที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองให้สามารถเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานครได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งเชื่อมโยงการเดินทางไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศด้วยการเปิดให้บริการขบวนรถไฟทางไกล และในอนาคตเตรียมเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง 

นอกจากนี้  รฟท. ยังมีแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตามหลักการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) โดยพัฒนาเมืองควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่งทางรางของประเทศ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการอย่างบูรณาการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ โดยแผนล่าสุดทาง รฟท. และบริษัท  เอสอาร์ที แอสเสทจำกัด หรือ เอสอาร์ทีเอ ซึ่งเป็นบริษัทลูก รฟท. เพื่อบริหารสินทรัพย์ รฟท. อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จในปี66 ซึ่งตามแผนจะนำพื้นที่ แปลง เอ และ แปลง  อี นำมาเปิดประมูลก่อน

สำหรับการพัฒนาเป็นจุดเชื่อมต่อขบวนรถไฟทางไกล และรถไฟชานเมืองสายสีแดง โดยกระทรวงคมนาคมมีแผนการก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้แก่นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมาใช้บริการของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาล เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายและการคมนาคมบริเวณพื้นที่รังสิต เป็นไปด้วยความสะดวก ปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในภาพรวม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย